Retargeting และ Remarketing คือ? รู้วิธีทำการตลาดและยิง Ads ขั้นสูง
Crescendo Lab Thailand

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ 👇
แท็กที่เกี่ยวข้อง
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ 👇
ติดตาม Crescendo Lab สำหรับสาระน่ารู้ในแวดวง MarTech คลิกเลย!
ในปัจจุบันงบประมาณการทำโฆษณา Online Marketing หรือการยิง Ads กลายเป็นงบที่มีสัดส่วนสูงขึ้นกว่าในอดีตมาก ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันทางธุรกิจอันดุเดือด อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกแพลตฟอร์ม จากในอดีตที่นักการตลาดสร้างโฆษณาโดยกระจายให้ผู้คนเห็นมากที่สุด ก็ได้เปลี่ยนไปเน้นประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย แม้ว่าคนจะเห็นน้อยลงก็ตาม และหนึ่งในกลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการทำ “Retargeting”
บทความนี้ Crescendo Lab จะพาคุณไปรู้ว่า Retargeting คืออะไร พร้อมแนะนำกลยุทธ์การทำ Online Marketing ขั้นสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตลาด เปลี่ยน “ผู้ชม” ให้เป็น “ลูกค้าตัวจริง” และดึง “ลูกค้าเก่า” ให้กลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง
การทำ Ads Retargeting คืออะไร?
Retargeting หรือ การทำ Ads Retargeting คือกลยุทธ์การโฆษณาออนไลน์ที่มุ่งเน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชมเว็บไซต์ การดูสินค้าบางรายการ หรือการเพิ่มสินค้าลงตะกร้าแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ หรือแม้กระทั่งคนที่มี Engagement ใน Social Media แต่ยังไม่เคยเป็นลูกค้าของเรา
โดยจุดประสงค์หลักของการทำ Retargeting คือการกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้กลับมาสร้าง conversion หรือดำเนินการตามเป้าหมายของธุรกิจที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะ ให้กลับมาสั่งซื้อสินค้า หรือใช้บริการ หรือแม้แต่ลงทะเบียน subscription ก็ถือเป็นการทำ Retargeting เช่นกัน พูดให้เข้าใจง่าย ๆ เป้าหมายหลักของ Retargeting คือการกระตุ้นให้คนที่ยังลังเลหรือยังไม่ตัดสินใจซื้อในครั้งแรก หันมา convert เป็นลูกค้าในที่สุด
หลักการทำงานของ Retargeting
หัวใจสำคัญของเครื่องมือติดตามอย่าง Meta Pixel และ TikTok Pixel คือการเก็บข้อมูลว่ากลุ่มเป้าหมายมีปฏิสัมพันธ์กับช่องทางต่าง ๆ ของคุณอย่างไร โดยเฉพาะในการทำ โฆษณาแบบ Retargeting เครื่องมือที่นิยมใช้ร่วมกัน เช่น LINE Tag, Google Ads Tag และระบบ Machine Learning (ML) ของแต่ละแบรนด์ จะช่วยเก็บข้อมูลเหล่านี้ จากนั้นเมื่อคุณมีกลุ่มเป้าหมายใหญ่พอแล้ว จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปสร้างกลุ่มเป้าหมายในแคมเปญการตลาด หรือ Ads บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะ LINE, Facebook, Google และ Tiktok เป็นต้น
โดยทั่วไปแล้ว วิธีนี้จะช่วยย้ำเตือนให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า (potential customer) จดจำแบรนด์ของคุณและกระตุ้นให้พวกเขากลับมาพิจารณาสินค้าหรือบริการอีกครั้งได้ ซึ่ง Ads Retargeting จะมีประสิทธิภาพสูงกว่ารูปแบบการกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบอื่น เนื่องจากเป็นการแสดงแคมเปญการตลาดให้กับกลุ่มคนที่ได้แสดงความสนใจในตัวสินค้าหรือบริการมาแล้วระดับหนึ่ง ทำให้มีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อโฆษณาและเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้มากกว่ากลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ไม่เคยรู้จักแบรนด์ของคุณมาก่อนเลย
Retargeting ต่างกับ Remarketing อย่างไร
แม้ว่าคำว่า Retargeting และ Remarketing มักถูกใช้สลับกันในวงการการตลาดดิจิทัล แต่ทั้งสองคำนี้มีความแตกต่างกันในรายละเอียดเล็กน้อย Retargeting จะมุ่งเน้นไปที่การดึงดูดลูกค้าใหม่ ในขณะที่ Remarketing จะให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าและการกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ
เราได้อธิบายเกี่ยวกับ Retargeting ไปแล้วในหัวข้อก่อนหน้า แต่สำหรับ Remarketing ก็คือการทำการตลาดซ้ำไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เคยมีส่วนร่วมกับแบรนด์ โดยอาจรวมถึงการส่งอีเมล หรือการแสดงโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ Remarketing มักใช้ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวม (เช่น ข้อมูลติดต่อ, การโต้ตอบกับแบรนด์, หรือประวัติการซื้อสินค้า) เพื่อสร้างแคมเปญโฆษณาที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย จุดมุ่งหมายหลักคือการกระตุ้นให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ หรือกระตุ้นให้ลูกค้าที่ละทิ้งตะกร้าสินค้ากลับมาทำการสั่งซื้อให้เสร็จสิ้นนั่นเอง
ช่องทางการทำ Retargeting ยอดนิยม
1. LINE Ads
การทำ Retargeting บน LINE Official Account (LINE OA) คือการส่งข้อความ (บรอดแคสต์) ไปยังกลุ่มลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจของเราซึ่งจะทำได้ผ่านการส่ง LINE Broadcast ซ้ำไปยังกลุ่มที่สนใจ หรือจะใช้ LINE Ads ได้เช่นกัน โดยกลุ่มเป้าหมายจะเกิดจากกลุ่มลูกค้าที่เคยดูสินค้า คลิกโฆษณา หรือ คลิก Rich Menu หรือแม้แต่ลูกค้าที่เคยแชทพูดคุยกับแอดมินบน LINE
โดยเราสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายด้วย LINE Tags ใช้ฟีเจอร์ติดแท็กลูกค้าใน LINE OA แต่หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพกว่านั้น ให้ใช้เครื่องมือการตลาด MAAC ช่วยติด Tag อัตโนมัติ เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมและความสนใจได้อย่างสะดวกและแม่นยำ
2. Google Ads
สำหรับ Google Ads เป็นช่องทางที่ครอบคลุมเครือข่ายโฆษณาขนาดใหญ่ ทั้งบนหน้าผลการค้นหาของ Google (Google Search), เครือข่าย Google Display Network ที่แสดงโฆษณาบนเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ต่าง ๆ และโฆษณาบน YouTube โดยคุณสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง หรือใช้ Google Ads Remarketing เพื่อแสดงโฆษณาต่อผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมาแล้ว การทำงานจะอาศัยข้อมูลจาก Google Analytics และ Google Ads Tag ในการติดตามและสร้างกลุ่มเป้าหมาย
3. Meta Ads
Facebook เป็นหนึ่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ยังเป็นยอดนิยมและยังมีกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ และยังเป็นช่องทางหลัก ๆ ที่นักการตลาดใช้ทำ Retargeting โดยการสร้าง Custom Audiences จากข้อมูลผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์หรือมีปฏิสัมพันธ์กับเพจของคุณจากการเก็บข้อมูลผ่าน Meta Pixel ที่ติดตั้งบนเว็บไซต์เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งาน เช่น การดูสินค้า หรือการเพิ่มสินค้าลงตะกร้า จากนั้นจึงนำข้อมูลเหล่านี้ไปสร้างกลุ่มเป้าหมายเพื่อยิงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกลับไปหาพวกเขา เนื่องจาก Instagram เป็นส่วนหนึ่งของ Meta (เช่นเดียวกับ Facebook) การทำ Retargeting บน Instagram จึงสามารถตั้งค่าได้ผ่านระบบ Meta Ads Manager ได้เช่นกัน
4. TikTok Ads
TikTok ก็มีเครื่องมือสำหรับทำ Retargeting เช่นกัน โดยใช้ TikTok Pixel ในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ และสามารถสร้าง Custom Audiences เพื่อยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นได้ หากมีข้อมูลกลุ่มเป้าหมายมากพอยังสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน Lookalike Audience ได้อีกด้วย
ก่อนเริ่มใช้กลยุทธ์ Retargeting ต้องเตรียมตัวอย่างไร
เพื่อให้แน่ใจว่าแคมเปญการตลาดของคุณจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ได้แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การวางแผนและเตรียมการที่ดีตั้งแต่ต้นจะช่วยให้การทำ Retargeting เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด หลัก ๆ แล้วสิ่งที่เราต้องเตรียมจะต้องติดตั้งเครื่องมือติดตาม และรวบรวมกลุ่มเป้าหมาย
1. ติดตั้งเครื่องมือติดตาม (Tracking Tools)
ขั้นตอนแรกและเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการเตรียมตัวทำ Retargeting คือการติดตั้งเครื่องมือติดตาม (Tracking Tools) เช่น Meta Pixel (สำหรับ Facebook และ Instagram), Google Ads Tag (สำหรับ Google Ads และ YouTube), TikTok Pixel, LINE Tag หรือระบบ Auto-tagging จาก MAAC (สำหรับ LINE OA) บนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่คุณใช้อยู่
เครื่องมือเหล่านี้จะทำหน้าที่เก็บข้อมูลและพฤติกรรมของผู้ที่เคยเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณ เช่น การเข้าชมหน้าเว็บ การดูสินค้า หรือการเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า ข้อมูลที่รวบรวมได้นี้จะเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างกลุ่มเป้าหมายสำหรับแคมเปญ Retargeting ของคุณในภายหลัง
2. กำหนดและรวบรวมกลุ่มเป้าหมาย
นอกเหนือจากการติดตั้งเครื่องมือติดตามแล้ว การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย และการรวบรวมกลุ่มเป้าหมาย ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้กลยุทธ์ Retargeting ของคุณประสบความสำเร็จ คุณจำเป็นต้องระบุให้ชัดเจนว่าต้องการสื่อสารกับใครอีกครั้ง โดยอาจแบ่ง Segmentation กลุ่มเป้าหมายตามพฤติกรรม ความสนใจ หรือขั้นตอนการตัดสินใจซื้อของลูกค้า Customer Journey
ตัวอย่างเช่น กลุ่มผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์แต่ยังไม่ซื้อสินค้า กลุ่มผู้ที่เพิ่มสินค้าลงตะกร้าแล้วแต่ยังไม่ชำระเงิน หรือแม้แต่ลูกค้าเก่าที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ การทำความเข้าใจและแบ่งกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์แคมเปญโฆษณาที่ตรงใจและมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับแต่ละกลุ่มได้
แนะนำ 3 เทคนิคการทำ Retargeting ขั้นสูง
คุณเคยไหม? เวลาตั้งงบยิงโฆษณาไปกลุ่มเป้าหมาย แต่สุดท้ายกลับรู้สึกว่า “คนเห็นเยอะ แต่ยอดยังไม่มา” ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คุณยิงไม่ดี แต่อาจอยู่ที่คุณ “ยิงยังไม่ตรง” พอ
วันนี้เราชวนคุณมาดู 3 เทคนิคการทำ Retargeting แบบขั้นกว่า ที่ช่วยให้คุณพูดกับ “ลูกค้าที่ใช่ นำเสนอสินค้าที่ใช่ ในเวลาที่ใช่” โดยเฉพาะผ่าน LINE ซึ่งเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคชาวไทยใช้งานสูงสุดกว่า 56 ล้านคน
1. ผสม Inbound Marketing กับการทำ Retargeting Ads
Inbound Marketing คือ กลยุทธ์ที่เริ่มจากการสร้างคอนเทนต์ที่ให้คุณค่า เช่น บล็อก, eBook หรือวิดีโอ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มสนใจสินค้า/บริการของคุณ
ลองนึกภาพตาม: คุณเป็นแบรนด์สินค้าสำหรับคนรักสุขภาพ และเพิ่งปล่อยบทความ "7 วิธีลดน้ำหนักโดยไม่พึ่งอาหารเสริม" บนเว็บไซต์ ปรากฏว่ามีคนแชร์ต่อกันในไลน์กลุ่มเพียบ บางคนคลิกอ่านจนจบ บางคนดาวน์โหลด eBook ที่แนบไว้
คนกลุ่มนี้นั่นแหละ คือกลุ่มเป้าหมายที่ “กำลังสนใจ” แต่ยังไม่ซื้อสินค้าของคุณทันที
หากคุณมีระบบที่รู้ได้ว่าใครมาจากคอนเทนต์ไหน (เช่น deeplink tracking) จนทำให้เพิ่มเพื่อนเข้ามาใน LINE OA ของแบรนด์คุณ คุณก็สามารถยิงโฆษณาหรือส่งข้อความผ่าน LINE ไปยังกลุ่มที่อ่านบทความลดน้ำหนัก โดยเสนอผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ หรือโปรทดลองฟรีสำหรับคนที่สนใจจริง
แบบนี้การ Retargeting ไม่ใช่แค่การ “ตามไปขาย” แต่คือการ “ช่วยต่อบทสนทนา” ที่ลูกค้าเริ่มไว้กับคุณ
2. แบ่งกลุ่มลูกค้าแบบละเอียดด้วย Auto-tagging ร่วมกับ Smart Segmentation
การทำ Retargeting ที่แม่นยำจำเป็นต้องมีการ “รู้จักลูกค้าให้ลึกขึ้น” เทคโนโลยีอย่าง Auto-tagging ช่วยให้คุณสามารถติดแท็กลูกค้าแต่ละคนได้แบบอัตโนมัติตามพฤติกรรม เช่น คลิกริชเมนูไหน สนใจสินค้าอะไร หรือดูโปรโมชันใดบ่อยที่สุด
เมื่อผสานกับระบบ Smart Segmentation ที่สามารถวิเคราะห์ระดับการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้เป็นกลุ่ม เช่น กลุ่มที่มีแนวโน้มซื้อสูงใน 14 วันถัดไป vs กลุ่มที่ห่างหายไปแล้วนาน การ Retarget ก็จะไม่ใช่แค่การ “ส่งข้อความซ้ำ” แต่กลายเป็นการ “สื่อสารอย่างเข้าใจ” มากกว่า
3. ใช้ LINE CRM ทำ Personal Retargeting ผ่าน Messaging API
เทคนิคขั้นสูงของ Retargeting คือการปรับข้อความให้ตรงกับลูกค้าแต่ละรายให้ Personalized มากที่สุด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การติดตามลูกค้าที่ “ใส่ของในตะกร้าแล้วหายไป” หรือ “คลิกดูประกันแต่ยังไม่ได้สมัคร”
ถ้าคุณมีระบบ CRM ที่เชื่อมต่อกับ LINE ผ่าน Messaging API ข้อความแจ้งเตือนสามารถถูกส่งไปยังลูกค้าคนนั้นโดยอัตโนมัติ เช่น "คุณลืมชำระค่าสินค้าในตะกร้าหรือเปล่าคะ? เรายังเก็บรายการไว้ให้คุณอยู่ คลิกที่นี่เพื่อชำระเงินต่อได้เลย"
การสื่อสารแบบนี้ ไม่เพียงช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ยังทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจและใส่ใจในรายละเอียดของพฤติกรรมแต่ละคนจริง ๆ
เทคนิคทิ้งท้าย: ทำ Retargeting ยังไงไม่ให้กลุ่มเป้าหมายรำคาญ
การทำ Retargeting คือเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจและเพิ่มยอดขาย แต่ถ้าใช้ไม่พอดี ก็อาจกลายเป็นการรบกวนแทนได้ สิ่งสำคัญคือการ “รักษาสมดุล” ระหว่างความถี่และความน่าสนใจของข้อความที่ส่งออกไป
เพื่อให้ Retargeting บน LINE มีประสิทธิภาพและไม่สร้างความรู้สึกรบกวน เราแนะนำให้คุณ:
- นำเสนอหลากหลายคอนเทนต์: แม้เป็นแคมเปญเดียวกัน ก็ลองปรับเนื้อหาให้หลากหลาย เพื่อไม่ให้ดูซ้ำซาก
- เลือกใช้ถ้อยคำและภาพอย่างตั้งใจ: ข้อความควรสั้น กระชับ และโดนใจ พร้อมภาพหรือวิดีโอคุณภาพที่ช่วยดึงความสนใจ
- ควบคุมความถี่ให้พอดี: อย่าส่งถี่เกินไป เว้นจังหวะให้เหมาะสม เพื่อรักษาความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์
หากคุณอยากเริ่มต้นหรือปรับปรุงการทำ Retargeting บน LINE ให้แม่นยำยิ่งขึ้น ทีมผู้เชี่ยวชาญของ Crescendo Lab พร้อมให้คำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ติดต่อเราได้เลยค่ะ
สนใจเพิ่มยอดขายด้วย LINE Retargeting ปรึกษาเราฟรี!

Crescendo Lab TH
The editing group of Crescendo Lab Thailand