ใช้ CRM แล้วไม่เห็นผล? ลองเช็ก 8 ข้อผิดพลาดของ CRM ที่ธุรกิจมองข้าม
Ainee S.

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ 👇
แท็กที่เกี่ยวข้อง
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ 👇
ติดตาม Crescendo Lab สำหรับสาระน่ารู้ในแวดวง MarTech คลิกเลย!
ลงทุนกับ CRM แล้ว... ได้ผลจริงไหม?
นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจจำนวนมากใช้งานระบบ CRM โดยหวังว่าจะเพิ่มยอดขาย สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า แต่ความจริงคือ หลายธุรกิจกลับ ไม่ได้ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
Crescendo Lab จะพาคุณเช็กให้ชัดกับ 8 ข้อผิดพลาดที่ทำให้ CRM ไม่เห็นผล พร้อมเคสจริงจากแบรนด์อย่าง NISSAN, Atmo’ Decor และ Click Broker ที่ร่วมมือกับ Crescendo Lab ปรับยุทธ์พลิกเกม เปลี่ยน CRM ให้กลายเป็นเครื่องมือเร่งการเติบโตอย่างแท้จริง
ข้อที่ 1: ข้อมูลลูกค้าไม่ครบถ้วน(Incomplete Customer Data)
พบบ่อย: ★★★★☆
ความรุนแรงของปัญหา: ★★★★★
⚠️ ข้อผิดพลาด
การเข้าใจลูกค้าอย่างรอบด้าน คือหัวใจสำคัญของระบบ CRM และ “ข้อมูล” โดยเฉพาะ first-party data คือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด เพราะถ้าข้อมูลของลูกค้าขาดหายไปแม้แต่นิดเดียว ก็อาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า หรือไม่สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้
นักการตลาดหลายท่านอาจมองว่า “ข้อมูลลูกค้า” เป็นเพียงแค่ข้อมูลตัวเลขเชิงสถิติ เช่น อายุ เพศ หรือยอดสั่งซื้อ แต่จริงๆ แล้ว ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data) เช่น ข้อความจากแชท ประวัติการสนทนา หรือแท็กข้อมูลลูกค้า ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย และฝ่ายบริการลูกค้า ตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้น และเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ลึกซึ้งกว่าเดิม
หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยของระบบ CRM จึงเป็นการขาดฟังก์ชันบันทึกคำร้องเรียน (feedback) หรือปัญหาจากลูกค้า และทำให้แบรนด์ไม่สามารถส่งต่อข้อมูลไปยังทีมที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งแน่นอนว่าผลกระทบที่ตามมาก็คือการขาดความต่อเนื่องในการดูแลลูกค้า เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าไม่ได้รับการใส่ใจ และอาจตัดสินใจเลิกใช้บริการในที่สุด นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ CRM ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างที่ควรจะเป็น
✅ วิธีแก้ไข
ถ้าอยากรู้ว่าข้อมูลลูกค้าในระบบ CRM ของคุณครบถ้วนแค่ไหน ลองถามตัวเองดูว่า คุณมีข้อมูล 4 ประเภทนี้ของลูกค้า (หรือคนที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า) หรือไม่:
- ข้อมูลพื้นฐาน (Attribute Data): เช่น ชื่อ อายุ เพศ ที่อยู่อาศัย ฯลฯ
- ข้อมูลพฤติกรรม (Behavioral Data): เช่น ประวัติการคลิกเว็บไซต์ การหยิบสินค้าใส่ตะกร้า หรือการเดินเข้าร้าน
- ข้อมูลการสนทนา (Conversational Data): เช่น ข้อความพูดคุยระหว่างลูกค้ากับเจ้าหน้าที่ใน LINE, Instagram หรืออีเมล
- ข้อมูลการซื้อขาย (Transactional Data): เช่น ประวัติการซื้อ หรือใบเสร็จรับเงินของลูกค้า
ถ้าคุณสามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้ได้ แต่หาไม่เจอในระบบ CRM นั่นหมายความว่าคุณอาจกำลังพลาดโอกาสสำคัญในการรู้จักลูกค้าให้ลึกขึ้นแล้วล่ะ
กรณีตัวอย่าง: NISSAN Taiwan
ระบบ CRM ที่มีข้อมูลลูกค้าไม่ครบถ้วน แน่นอนว่าต้องส่งผลโดยตรงต่อการทำความเข้าใจลูกค้า ดังนั้นวิธีเก็บข้อมูลลูกค้าที่ดีและครบถ้วนที่สุดคือ การถามพนักงานทุกคนที่ใช้งานระบบ CRM ว่า "ต้องการข้อมูลอะไรบ้าง ที่จะช่วยให้สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"
เรามี success case ที่น่าสนใจของ NISSAN ไต้หวัน โดย Head of Digital Marketing จาก NISSAN ได้เล่าว่า “ในกระบวนการตัดสินใจซื้อรถ ลูกค้ามักเริ่มจากการหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา และไปดูรถที่โชว์รูม ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน ทำให้ระยะเวลาตัดสินใจซื้อของลูกค้าล่าช้า NISSAN จึงเลือกใช้ LINE ให้เป็นเหมือนเครื่องมือ CRM ขนาดย่อม เพื่อบริหารจัดการผู้ใช้งานทุกรายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเก็บข้อมูลจากจุดสัมผัสต่าง ๆ บน LINE เข้าใจความตั้งใจซื้อรถของลูกค้าได้ชัดเจนขึ้น และสามารถทำการตลาดแบบตรงเป้าหมายมากขึ้น”
โซลูชันจาก Crescendo Lab จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยแบรนด์เก็บข้อมูลลูกค้าใน 4 ประเภท ได้แก่ ข้อมูลพื้นฐาน, พฤติกรรม, ข้อมูลจากการสนทนา, และข้อมูลการซื้อขาย
ข้อที่ 2: ข้อมูลไม่มีคุณภาพ (Bad data)
พบบ่อย: ★★★★☆
ความรุนแรงของปัญหา: ★★★★☆
⚠️ ข้อผิดพลาด
คุณรู้สึกว่าข้อมูลใน CRM ของคุณ “ไม่เป็นระเบียบ” หรือเปล่า? มีผลสำรวจจาก Validity ระบุว่า 44% ของผู้ใช้งาน CRM สูญเสียรายได้ถึง 10% ต่อปี เพราะปัญหานี้ แล้วคุณล่ะ กำลังเจอกับปัญหาเดียวกันหรือเปล่า?
แม้ว่าระบบ CRM หลายเจ้าจะเก็บข้อมูลลูกค้าได้ครบถ้วน แต่ถ้าขาดการจัดระเบียบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอและเป็นระบบ ข้อมูลเหล่านี้ก็จะค่อยๆ กระจัดกระจาย และไม่อัปเดตจนทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มีคุณภาพได้ และสุดท้ายก็กลายเป็นข้อมูลที่ใช้งานยาก
ยกตัวอย่างเช่น หลายระบบมีฟีเจอร์ให้ "ติดแท็ก" ลูกค้า ซึ่งดูเหมือนจะช่วยได้มาก เพราะสามารถจัดกลุ่มลูกค้าได้ตามต้องการ ทั้งแบบอัตโนมัติหรือกำหนดเอง แต่ถ้าไม่มีมาตรฐานในการตั้งชื่อแท็กให้ชัดเจน พนักงานแต่ละคนก็จะตั้งชื่อแท็กกันคนละแบบ จนสุดท้ายกลายเป็นข้อมูลที่ปะปนจนใช้งานจริงไม่ได้
✅ วิธีแก้ไข
ถ้าคุณอยากรู้ว่า "ข้อมูลที่มีอยู่" เป็นระเบียบและพร้อมใช้งานแค่ไหน ลองคำถามตัวเองดูว่า:
- ระบบ CRM ที่คุณใช้อยู่มีข้อมูลลูกค้าที่ซ้ำกันหรือไม่? มีส่วนไหนที่ยังไม่ชัดเจนหรือเข้าใจยาก?
- ข้อมูลในระบบเป็นข้อมูลล่าสุดหรือไม่? มีการอัปเดตครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?
- ถ้าข้อมูลของลูกค้าถูกเก็บจากหลายระบบ ข้อมูลเหล่านั้นเชื่อมต่อกันอย่างไร? ไร้รอยต่อจริงไหม?
- การใช้และตั้งชื่อแท็กลูกค้ามีมาตรฐานหรือไม่? เคยเจอลูกค้าคนเดียวกันที่มีแท็กหลายอันที่ความหมายเดียวกันหรือไม่?
เก็บข้อมูลลูกค้าอัตโนมัติด้วยฟีเจอร์ Auto-tag
ถ้าคุณรู้สึกว่าข้อมูลที่คุณมียังไม่มีคุณภาพ เราแนะนำให้ใช้ระบบผสานข้อมูลที่ดีและ API เพื่อให้ข้อมูลลูกค้าเชื่อมต่อกันและอัปเดตข้ามช่องทางได้อย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ถ้าระบบ CRM ที่คุณใช้มีฟีเจอร์การติด Tag ก็ควรกำหนดมาตรฐานการสร้าง Tag ให้ชัดเจน เพื่อให้ทีมของคุณเข้าใจลูกค้าในทิศทางเดียวกัน
การตั้งค่าติดแท็กอัตโนมัติ (Auto-tag) ด้วย MAAC จะยิ่งช่วยลดงานซ้ำซ้อนและแก้ปัญหาข้อมูลไม่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทอะไรก็สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าด้วยการติดแท็ก เช่น สาขาที่ลูกค้าใช้บริการ ประเภทสินค้าที่ซื้อ หรือโปรโมชันที่เข้าร่วม เพื่อนำข้อมูลไปใช้จัดการสต็อก วางแผนแคมเปญกระตุ้นยอดขาย และวัดผลแคมเปญที่มีประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างแม่นยำ
อ่านบล็อกเพิ่มเติม: ธุรกิจใน Retail Industry ใช้โซลูชันทางการตลาดและการขายได้อย่างไรบ้าง
เราเชื่อว่าหลายธุรกิจเลือกลงทุนกับระบบ CRM แต่กลับมองข้ามเรื่องพื้นฐานอย่างการจัดระเบียบข้อมูล (Data Cleansing) ทั้งที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ยากเลย คุณเพียงแค่ต้องหาเวลาสั้น ๆ มาตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อน และอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม ทำแบบนี้เป็นประจำก็ช่วยให้เวลาที่นำข้อมูลไปใช้งานจริง ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม โดยไม่ต้องลงแรงมาก
อ่านบล็อกเพิ่มเติม: Segmentation คืออะไร? วิธีแบ่งกลุ่มลูกค้าอัตโนมัติด้วย AI
ข้อที่ 3: อัตราการใช้งานต่ำ (Low User Adoption Rate)
พบบ่อย: ★★★★★
ความรุนแรงของปัญหา: ★★★☆☆
⚠️ ข้อผิดพลาด
ปัญหาในการใช้ระบบ CRM ส่วนใหญ่มักไม่ได้เกิดจากตัวระบบหรือฟีเจอร์ที่ไม่เพียงพอ แต่เกิดจาก ผู้ใช้งานไม่ได้นำฟีเจอร์เหล่านั้นมาใช้จริงต่างหาก แม้ว่าระบบ CRM จะมีการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่หลายคนกลับไม่มีเวลาศึกษา เพราะมัวแต่ยุ่งกับงาน หรือทำงานด้วยวิธีเดิม ๆ จนพลาดโอกาสที่จะใช้เครื่องมือ CRM เพื่อช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อมูลจาก Demandsage ระบุว่า 43% ของผู้ใช้งาน CRM ใช้งานฟีเจอร์ในระบบไม่ถึงครึ่ง ทั้งๆ ที่ฟีเจอร์เหล่านี้สามารถช่วยประหยัดเวลา ลดงานซ้ำซ้อน และช่วยให้ตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายงานวิจัยเผยไปในทางเดียวกันว่า ในกระบวนการทำ Digital Transformation สิ่งที่เปลี่ยนยากที่สุดไม่ใช่เทคโนโลยี แต่คือ ทัศนคติของผู้ใช้งานที่มีต่อเครื่องมือใหม่ ๆ ฟีเจอร์วิเคราะห์ข้อมูล ฟีเจอร์ทำงานอัตโนมัติ รวมถึง AI อาจรู้สึกว่าใช้งานยากในช่วงแรก แต่ถ้าได้ลองใช้จนชินแล้ว คุณอาจใช้เครื่องมือนี้จนรู้สึกว่าขาดไม่ได้เลยก็เป็นได้
✅ วิธีแก้ไข
ถ้าคุณอยากรู้ว่าตัวเองมีความรู้เกี่ยวกับระบบ CRM มากพอหรือยัง ลองเช็กได้ง่ายๆ ดังนี้
- ลอง log in เข้าไปในระบบ CRM ที่คุณใช้อยู่ แล้วดูว่าคุณเคยใช้ครบทุกฟีเจอร์แล้วหรือยัง
- สำรวจตัวเองว่าเคยเข้าร่วมงานสัมมนา หรืออีเวนต์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัทผู้ให้บริการ CRM อย่างสม่ำเสมอหรือไม่
- บริษัทผู้ให้บริการ CRM ที่จริงใจมักจะมีวิดีโอสอนการใช้งาน บทความ หรือจัด workshop เป็นประจำ เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจฟีเจอร์และการใช้งาน CRM ในบริบทที่หลากหลาย
- เราแนะนำให้คุณติดตามบทความอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ ๆ จากผู้ให้บริการ CRM เพราะมักแทรกตัวอย่างใช้งานที่น่าสนใจ
- ถ้ามี Customer Success Manager ดูแลอยู่ ลองขอคำแนะนำเรื่องการใช้งานเพิ่มเติมได้เลย
Atmo Decor กับเรื่องราวสุดประทับใจที่มีต่อ Crescendo Lab
คุณเจษฎา สุวรรณาภัย Chief Marketing Officer จาก Atmo’ Decor แบรนด์สินค้าของแต่งบ้าน แจกันดอกไม้ประดิษฐ์ระดับพรีเมียม ได้แบ่งปันเรื่องความประทับใจว่า ทำไมถึงเลือกใช้บริการระบบ LINE CRM อย่าง MAAC จาก Crescendo Lab ไว้ว่า
- ข้อหนึ่ง เลยคือที่ประทับใจ คืองานบริการหลังการขายเขาค่อนข้างดีมากครับ support ดีมาก ถ้าไม่รู้อะไร หรือว่าตรงไหนติดขัด เขาก็มีทีมเข้าชาร์จพร้อมช่วยซัพพอร์ตตลอดเวลา คอยบอกว่าแบบตรงนี้ต้องทําอย่างนี้ ตรงนั้นต้องทําอย่างนั้น
- ข้อสอง คือ ระบบไม่ได้ยาก ใช้งานง่าย ไม่ได้วุ่นวายอะไรอย่างนี้ครับ
- ข้อสาม คือใช้แล้วมันได้ผล คือตัวเลขที่บอกครับ มันไม่ใช่ตัวเลขโกหก Performance มันออกมาวัดผลได้จริง เติบโตจริงครับ
ข้อที่ 4: ขาดการแนะนำ (Lack of Support/Guidance)
พบบ่อย: ★★★☆☆
ความรุนแรงของปัญหา: ★★★☆☆
⚠️ ข้อผิดพลาด
ต่อเนื่องจากข้อก่อนหน้านี้ การเรียนรู้การใช้งานระบบ CRM มักถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ทำแค่ครั้งเดียวจบ หลายคนตั้งใจอ่านคู่มือหรือฟังคำแนะนำจากผู้ให้บริการในวันแรกที่เริ่มใช้งานระบบ แต่พอเวลาผ่านไป แล้วอยากขอคำปรึกษาเพิ่มเติม กลับไม่รู้จะหาข้อมูลหรือขอความช่วยเหลือจากที่ไหน นี่คือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ทีมของคุณไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ของระบบ CRM ได้เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่หวังไว้
✅ วิธีแก้ไข
ถ้าคุณอยากเรียนรู้การใช้ CRM ให้เก่งขึ้น และแก้ปัญหาในการใช้งาน แต่ไม่สามารถหาแหล่งข้อมูลหรือขอความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการ ต่อให้คุณมีเครื่องมือหรือระบบที่ดีแค่ไหน ก็ใช้เครื่องมือนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจคุณได้ยาก
บทความจาก Zendesk เรื่อง “How to choose a CRM system: A step-by-step guide” ได้ระบุเกี่ยวกับวิธีเลือกใช้ระบบ CRM ไว้ว่า การเลือกผู้ให้บริการ CRM ที่น่าเชื่อถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คุณใช้งานระบบได้อย่างราบรื่น แก้ปัญหาได้ทันเวลา และเพิ่มมูลค่าการลงทุนใน CRM ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อแบรนด์ในระยะยาว
เพราฉะนั้น ก่อนเลือกใช้ระบบ CRM จากผู้ให้บริการรายใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาคือการบริการหลังการขายที่ใส่ใจและพร้อมให้คำแนะนำผู้ใช้งานอย่างใกล้ชิด
Success Case: Atmo’ Decor
คุณเจษฎา สุวรรณาภัย Chief Marketing Officer จาก Atmo’ Decor ได้แชร์ความประทับหลังจากที่ได้ใช้โซลูชัน MAAC ไว้ว่า งานบริการหลังการขายของ Crescendo Lab นั้นค่อนข้างดีมาก เพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี หากทาง Atmo’ Decor ไม่รู้ข้อมูลส่วนไหน หรือติดเรื่องกานใช้งานฟีเจอร์ส่วนใด ก็จะมีทีม Customer Success คอยซัพพอร์ตและให้คำแนะนำได้ทันเวลาเสมอ
ข้อที่ 5: เครื่องมือไม่เข้ากับแบรนด์ (Wrong Tool/Bad Compatibility)
พบบ่อย: ★★★★☆
ความรุนแรงของปัญหา: ★★★☆☆
⚠️ ข้อผิดพลาด
ระบบ CRM ที่ให้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร มักเกิดจาก 4 สาเหตุหลักที่พูดถึงไปก่อนหน้านี้ เช่น การใช้งานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ระบบไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับแบรนด์ได้อย่างเต็มที่ แต่บางครั้งปัญหาก็มาจากการเลือกเครื่องมือผิดตั้งแต่ต้น เครื่องมือ CRM หรือโซลูชันที่คุณเลือกใช้อาจมีข้อจำกัดมากเกินไป จนคุณอาจต้องพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ตัวเลือกที่เหมาะกับธุรกิจของคุณมากกว่า
✅ วิธีแก้ไข
เมื่อคุณรู้เครื่องมือ CRM ที่เลือกอาจไม่เหมาะกับแบรนด์คุณสักเท่าไหร่ หรือระบบไม่สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจคุณได้ ลองทำตามคำแนะนำนี้:
- ถ้าเป็นระบบ CRM ที่พัฒนาภายในองค์กรเอง ลองคุยกับฝ่าย IT เพื่อปรับปรุงหรือพัฒนาระบบใหม่ให้ดีขึ้น
- ถ้าคุณกำลังมองหา vendor ที่สร้างระบบ CRM แบบ customized ลองประเมินความสามารถและข้อเสนอของ vendor นั้น ๆ เพื่อตัดสินใจว่าควรเปลี่ยนเจ้าหรือไม่
- ถ้าคุณใช้ระบบ CRM แบบ subscription ควรตรวจสอบว่าระบบนั้นขยายได้ง่ายและเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นได้อย่างราบรื่นได้สะดวกหรือไม่
Success Case: Atmo' Decor
คุณเจษฎา Chief Marketing Officer จาก Atmo’ Decor ได้เล่าให้ฟังว่า Atmo’ decor มีการทำการตลาดหลายช่องทางทั้ง Facebook, IG, Instagram และ Offline การตลาดแบบข้ามแพลตฟอร์ม หรือ Cross channel Marketing จึงสำคัญเพราะมันเหมือนเป็นทริคในการทำการตลาดข้ามช่องทางอย่างหนึ่ง
นั่นแสดงให้เห็นว่าทาง Atmo’ Decor ให้ความสำคัญกับการทำการตลาดข้ามช่องทาง จึงตัดสินใจเลือกโซลูชัน MAAC ซึ่งรองรับกลยุทธ์นี้ ทำให้สามารถช่วยให้แบรนด์ติดตามได้ว่าลูกค้ามีการเพิ่มเพื่อนเข้ามาใน LINE OA จากช่องทางไหนบ้าง เพื่อที่จะทำการตลาดได้ตรงจุดมากขึ้น
ข้อที่ 6: ทีมทำงานแยกกัน (Siloed Departments)
พบบ่อย: ★★★★☆
ความรุนแรงของปัญหา: ★★★★☆
⚠️ ข้อผิดพลาด
ระบบ CRM ไม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ทีมใดทีมหนึ่งใช้ แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งทีมการตลาด ทีมขาย และทีมบริการลูกค้า ในบางองค์กรยังรวมไปถึงทีมอื่นๆ เช่น ทีม e-commerce หรือทีม operation
หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในหลายๆ แบรนด์คือ การที่แต่ละทีมทำงานแยกกัน โดยไม่มีมาตรฐานหรือแนวทางเดียวกันในการจัดเก็บและใช้งานข้อมูลในระบบ CRM
อย่าลืมไปว่าคุณไม่ได้ใช้ CRM เพียงคนเดียวในองค์กร ดังนั้นการตัดสินว่าข้อมูลในระบบไม่ครบถ้วนจากมุมมองส่วนตัวอาจไม่เพียงพอ เพราะประสบการณ์ของลูกค้าไม่ได้เกิดจากทีมใดทีมหนึ่ง แต่มาจากหลายฝ่าย ทั้งการตลาด การขาย และการบริการลูกค้า ข้อมูลในระบบ CRM ที่ครบถ้วนและมีคุณภาพ จึงต้องเกิดจากความร่วมมือกันของทุกทีม เพื่อให้ข้อมูลสะท้อนภาพรวมของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
การขาดความร่วมมือระหว่างทีมอาจทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน ซึ่งส่งผลต่อการปรับกลยุทธ์ให้เป็นไปในทิศทางนั่นเอง
✅ วิธีแก้ไข
ลองเช็กดูว่าองค์กรของคุณเข้าใจและใช้งาน CRM ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพหรือยัง? ลองตั้งคำถามดังนี้:
- ทีมที่เกี่ยวข้องสามารถมองเห็นภาพรวมของ Customer Journey ได้ครบหรือไม่? ตั้งแต่ช่วงที่ลูกค้าเริ่มเห็นโฆษณา คลิกดูสินค้า สั่งซื้อ ไปจนถึงบริการหลังการขาย โดยข้อมูลทุกขั้นตอนสามารถดูได้จากระบบ CRM อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องหรือเปล่า
- มีการแบ่งความรับผิดชอบชัดเจนหรือไม่ว่า "ลูกค้าคนไหนอยู่ในความรับผิดชอบของทีมใด?" เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีลูกค้าตกหล่นหรือไม่ได้รับการดูแลจากทางแบรนด์
- คุณสามารถใช้ข้อมูลจาก CRM วิเคราะห์ได้หรือไม่ว่า ลูกค้ากลุ่มไหนหลุดหายไปในช่วงใดของ Customer Journey และนำข้อมูลนั้นกลับไปปรับปรุงวิธีทำงานหรือแคมเปญให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้จริง
Success Case: Click Broker
ก่อนหน้านี้ Click Broker นายหน้าประกันออนไลน์ได้มองหาโซลูชันการตลาดที่ตอบโจทย์และช่วยแก้สาม pain point หลักเพื่อให้ทีมการตลาดและทีมขายทำงานราบรื่นขึ้น โดยปัญหาที่ต้องเผชิญประกอบด้วย
- ปัญหาการติดตามพฤติกรรมความสนใจของผู้ใช้งานบน LINE
- ต้นทุนบรอดแคสต์ราคาสูง
- ภาระการแบ่งงานตอบแชทลูกค้าแบบ manual
หลังจากที่ Click Broker ใช้ MAAC ระบบ CRM บน LINE ก็ได้สร้างแท็กอัตโนมัติมากกว่า 500 แท็ก เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าแม่นยำจนอัตราเปิดอ่าน (LINE Open rate) เพิ่มขึ้น 20% พร้อมกันนี้ได้ใช้โซลูชัน CAAC เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการมอบหมายงานแชทลูกค้าแบบ manual จนช่วยให้แอดมินในทีมกว่า 10 คนทำงานราบรื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เพิ่มบล็อกฉบับเต็ม: Click Broker เผยวิธีปิดยอดขายประกันไวขึ้นด้วยระบบจัดการแชทอัจฉริยะ
ข้อที่ 7: การออกแบบ UX/UI ใช้งานยาก (Bad UX/UI)
พบบ่อย: ★★★★☆
ความรุนแรงของปัญหา: ★★☆☆☆
⚠️ ข้อผิดพลาด
ถ้าหน้า interface ของระบบ CRM ใช้งานยาก แถมเวอร์ชันแอปฯ บนมือถือก็ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้ นี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทีมของคุณไม่อยากใช้งานระบบเลยก็ได้
หลายครั้งที่ CRM ถูกใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพราะพนักงานไม่ตั้งใจเรียนรู้ แต่เพราะตัวระบบออกแบบมาให้ใช้งานยาก ซับซ้อน หรือไม่ตอบโจทย์จริง ๆ โดยเฉพาะถ้าทีมของคุณมีพนักงานขายหรือพนักงานหน้าร้านจำนวนมาก ที่ไม่ได้อยู่หน้าคอมพ์ฯ ตลอดเวลา หรือไม่สะดวกพกโน้ตบุ๊กติดตัว ระบบ CRM บนมือถือจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น และแน่นอนว่าเราคาดหวังให้ใช้งานง่าย
เพราะฉะนั้น ก่อนที่ผู้จัดการหรือผู้บริหารจะคาดหวังให้ทีมใช้งาน CRM อย่างเต็มที่ ลองย้อนกลับมาดูก่อนว่า เครื่องมือที่ให้ทีมใช้นั้น “ใช้งานง่ายพอ” หรือยัง
✅ วิธีแก้ไข
ลองถามทีมที่ใช้งานระบบ CRM ดูว่า "มีส่วนไหนที่ใช้งานไม่สะดวกบ้าง?" หรือ "interface ส่วนไหนของระบบที่ใช้งานยาก?" คำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นจุดที่ยังไม่ user-friendly ต่อทีมผู้ใช้ และคุณก็สามารถนำ feedback ต่างๆ ไปเสนอให้ผู้พัฒนาระบบปรับปรุงหรือพัฒนาให้ดีขึ้นในอนาคต
Success Case: Atmo’ Decor
ถ้าคุณอยากมีประสบการณ์การใช้งานระบบ CRM ก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกเจ้าไหน เราแนะนำให้ทดลองใช้ระบบจริงฟรี ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ที่หลายบริษัทยินดีมอบให้อยู่แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานประเมินว่า interface ของระบบนั้นใช้งานง่าย และรองรับการทำงานของทีมคุณได้ดีแค่ไหน
แต่ถ้าคุณมีเวลาจำกัด หรือไม่มีทีมที่สามารถทดสอบระบบได้อย่างเต็มที่ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ หรือขอ demo พร้อมคำแนะนำแบบเจาะลึก ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยง และช่วยให้คุณตัดสินใจได้มั่นใจยิ่งขึ้น ก่อนลงทุนใช้งานระบบจริงในระยะยาว
ข้อที่ 8: ระบบขาดความเสถียรและความปลอดภัย (Bad System Stability/Security)
พบบ่อย: ★★★☆☆
ความรุนแรงของผลกระทบ: ★★★★☆
⚠️ ข้อผิดพลาด
เราพบว่า ความเสถียรและความปลอดภัยของระบบ CRM คือสิ่งที่หลายแบรนด์มักมองข้าม
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เราพบเจอต้องเผชิญบทเรียนราคาแพงเมื่อระบบล่มในช่วงเวลาคับขัน เช่น นักการตลาดวางแผนแคมเปญนานเป็นเดือน แต่ระบบขัดข้องในเวลาที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าหรือส่งข้อความ ซึ่งทำให้กำหนดการที่วางไว้เกิดความผิดพลาด หรือพนักงานบริการลูกค้าพบว่าระบบล่มขณะจะตอบข้อความ ส่งผลให้พลาดช่วงเวลาสำคัญในการตอบกลับลูกค้า
ที่แย่กว่านั้นคือ ระบบ CRM ถูกแฮกโดยผู้ไม่หวังดี นำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวลูกค้า และก่อให้เกิดวิกฤตด้านประชาสัมพันธ์ที่ควบคุมไม่ได้สำหรับแบรนด์
หลังจากที่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ทุกคนถึงจะตระหนักได้ว่า ความเสถียรและความปลอดภัยของระบบคือปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อต้องเลือกใช้ระบบ CRM
✅ วิธีแก้ไข
หากคุณต้องการประเมินความเสถียรและความปลอดภัยของระบบ CRM ที่คุณใช้อยู่ ให้ลองสำรวจตามข้อสังเกตต่อไปนี้:
- ระบบเคยล่มหรือมีบั๊กไหม?
- หากระบบมีปัญหา ผู้ให้บริการสามารถช่วยแก้ไขและกู้ระบบกลับมาใช้งานปกติได้เร็วแค่ไหน? (เพราะปัญหาระบบเป็นเรื่องที่เลี่ยงได้ยาก โดยทั่วไปหากแก้ไขได้ภายในไม่กี่นาทีถึงหลักสิบนาที ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้)
- ระบบเคยผ่านการทดสอบประสิทธิภาพหรือไม่ เช่น การประมวลผลข้อมูลปริมาณมาก หรือการส่งข้อความจำนวนมากพร้อมกัน
- ระบบมีการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยของข้อมูล เช่น ISO 27001 หรือไม่?
เกี่ยวกับ Crescendo Lab
Crescendo Lab ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้ง
เรามีทีมเฉพาะทางดูแลด้านนี้โดยตรง พร้อมวางมาตรการป้องกันแบบรอบด้าน ครอบคลุมทั้งตัวแอปพลิเคชัน ฐานข้อมูล และระบบเครือข่าย ตั้งแต่การเข้าสู่ระบบด้วยรหัสตามมาตรฐานเดียวกับที่ธนาคารใช้ ไปจนถึงระบบสำรองและกู้คืนข้อมูลที่พร้อมใช้งานได้จริงเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด
นอกจากนี้ เรายังผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากลอย่าง ISO 27001 ด้านความปลอดภัยของข้อมูล และยังคงพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง จนสามารถส่งข้อความได้สูงสุดถึง 2,000 ข้อความต่อวินาที ด้วยอัตราความเสถียรสูงถึง 99.9%
ทั้งหมดนี้ทำให้เราโดดเด่นในด้าน ความเร็ว ความเสถียร และความปลอดภัย ในฐานะผู้ให้บริการ CRM ที่ธุรกิจไว้วางใจ
CRM Health Check
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณน่าจะพอเห็นภาพและเข้าใจถึงปัญหาทั่วไปที่พบบ่อยเกี่ยวกับการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้าด้วยระบบ CRM แล้ว ต่อไปเป็นตาคุณแล้วที่จะมาลองสำรวจการใช้งาน CRM ของคุณ!
ถ้าคุณเป็นลูกค้าปัจจุบันของ Crescendo Lab เรายินดีให้ติดต่อ Customer Success Manager ของเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรี เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน CRM ให้กับแบรนด์คุณ สำหรับใครที่เพิ่งรู้จักเราสามารถติดต่อรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญฟรีโดยกรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
สนใจเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน CRM ของคุณ ปรึกษาเราฟรี

Ainee S.
Thai Content Marketer at Crescendo Lab (-: