Value Proposition คืออะไร? วางกลยุทธ์อย่างไรให้ตรงกับคุณค่าธุรกิจ
Crescendo Lab Thailand

แท็กที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม Crescendo Lab สำหรับสาระน่ารู้ในแวดวง MarTech คลิกเลย!
หากพูดคำว่า “Value Proposition” หลายคนอาจจะยังนึกไม่ออกว่ามันมีความสำคัญอย่างไรกับการทำการตลาด การสร้างแบรนด์ หรือยังไม่คุ้นเคยกับการนำหลักการในการวางคุณค่าธุรกิจมาใช้เป็นส่วนประกอบในการวางกลยุทธ์องค์กร แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น Business Model Canvas คิดว่าหลาย ๆ ท่านคงรู้จักกันอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่เคยใช้งานจริง หรือเคยได้ใช้งาน แต่ก็พอนึกภาพออกว่ามันคืออะไร โดยเจ้าตัว Value Proposition นั้นเป็นหนึ่งในองค์ประกอบใน Canvas และอยู่ตรงกลางช่องใหญ่ด้วย เรียกได้ว่าหากไม่มี Value แล้วก็ไม่สามารถสร้างแผนภาพธุรกิจที่ดีได้ คุณจะไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า “คุณได้สร้างคุณค่าอะไรให้กับลูกค้า” นี้คงจะเป็นเหตุผลที่ดีให้คุณอ่านเนื้อหาใน วันนี้เพราะเราจะเขียนทุกอย่างให้คุณได้นำ Value Proposition ไปใช้งานได้จริง ๆ
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ 👇 |
|
Value Proposition คืออะไร?
Value Proposition คือ “ข้อเสนอคุณค่าที่เราต้องการส่งมอบให้กับลูกค้า” โดยเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการเฉพาะของกลุ่มเป้าหมาย ต้นกำเนิดของแนวคิดคำว่า Value Proposition ต้นกำเนิดมาจาก McKinsey & Co. ในปี 1988 โดยที่ Michael Lanning และ Edward Michaels เป็นผู้ใช้คำนี้ในงานเขียนชื่อ A Business is a Value Delivery System โดยพวกเขานิยาม Value Proposition ว่าเป็น “คำอธิบายที่ชัดเจน และง่ายต่อการเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ทั้งที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้ที่บริษัทจะมอบให้ลูกค้า” เน้นที่ประโยชน์ที่ชัดเจนและจับต้องได้ เช่น การลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพ หรือการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้น และเราต้องสรุปให้ลูกค้าเห็นชัดว่า
- ธุรกิจของคุณแก้ปัญหาอะไรให้พวกเขา?
- จะมอบประโยชน์ที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่างไร?
- ทำไมลูกค้าควรเลือกคุณแทนแบรนด์อื่น?
โดยจะเป็นคำมั่นสัญญาที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อใช้สินค้าหรือบริการของธุรกิจนั้น ๆ และแบรนด์จะต้องสามารถตอบคำถามสำคัญข้างต้นได้ โดยจุดประสงค์หลักของการมีอยู่ของ Value Proposition คือ การที่แบรนด์ต้องการสื่อสารให้ลูกค้าเห็นว่าธุรกิจของคุณสามารถแก้ไขปัญหา หรือตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่าทางเลือกอื่น ๆ ในตลาด
Value Proposition ที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
เมื่อเรากำหนด Value Proposition ให้กับองค์กรเรา เราควรกำหนดไปด้วยการมี Mindset ที่ต้องตั้งคำถามเอาไว้ตลอดเวลาว่า “เหตุผลที่ลูกค้าควรเลือกคุณคืออะไร?” ซึ่งไม่ใช่แค่การบอกว่าสินค้าดีอย่างไร แต่ต้องสื่อสารให้ลูกค้าเห็นว่า คุณแก้ปัญหาให้พวกเขาได้ดีกว่าคู่แข่ง และสร้างประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการทั้งทางตรงและทางอ้อม ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด และที่สำคัญคือ ลูกค้าจะต้องรู้สึกถึงคุณค่านั้น ๆ ที่ได้รับจากสินค้าหรือบริการด้วย
เพื่อให้ Value Proposition ออกมาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติดังนี้
1.กระชับ ชัดเจน อ่านเข้าใจง่าย
Value Proposition ต้องสรุปเป็นประโยคเดียวที่จับใจลูกค้าได้ทันที หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคหรือคำฟุ่มเฟือย ใช้ภาษาง่าย ๆ ที่สื่อถึงผลลัพธ์ ที่ลูกค้าจะได้รับ ตรงไปตรงมาและไม่ซับซ้อน ใช้ภาษาที่เรียบง่ายและหลีกเลี่ยงศัพท์เฉพาะที่อาจทำให้ลูกค้าไม่เข้าใจ
2.ตอบโจทย์แก้ Pain Points และเติมเต็มความปรารถนาของลูกค้า
การสร้าง Value Proposition ที่ดีนั้น จะต้องสามารถตอบโจทย์ในการแก้ไข Pain Points และตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ซึ่งอาจจะเริ่มต้นโดยให้เราทำความเข้าใจและวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค หรือความยากลำบากที่ลูกค้ากำลังเผชิญอยู่
Pain Points อาจเป็นเรื่องที่ลูกค้ารู้สึกหงุดหงิด เสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายสูง หรือรู้สึกไม่สะดวกสบาย (ยิ่งสามารถระบุ Pain Points ได้ชัดเจนและลึกซึ้งมากเท่าไร ก็จะยิ่งสร้าง Value Proposition ได้ดี) คุณต้องเข้าใจถึง Jobs to be Done ของลูกค้า ว่าลูกค้าต้องการ “ซื้อ” สินค้าหรือบริการเราเพื่อบรรลุเป้าหมายใด และเราจะช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายนั้นได้ดีขึ้นอย่างไร
3.แตกต่างและเหนือกว่าคู่แข่ง
Value Proposition ต้องมีจุดเด่นที่สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขันในตลาด ซึ่งอาจเป็นคุณสมบัติพิเศษของสินค้า, คุณภาพที่ดีกว่า, ราคาที่คุ้มค่ากว่า ฯลฯ ต้องมี “จุดเด่นที่ไม่มีใครทำได้แบบคุณ” หากเราไม่สามารถแข่งด้านราคา ก็ให้แข่งขันที่ “ประสบการณ์” หรือ “คุณภาพที่ไม่เหมือนใคร”
4.สอดคล้องกับค่านิยมแบรนด์ (Brand Alignment)
Value Proposition ต้องสื่อให้เห็นถึงอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์ สอดคล้องกับค่านิยมหลักขององค์กร (Core Values) ว่าแบรนด์ของเรามีจุดยืนและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอะไร แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร เอกลักษณ์ของแบรนด์อาจเป็นเรื่องคุณภาพ, นวัตกรรม, ความใส่ใจในรายละเอียด, ความรับผิดชอบต่อสังคม ฯลฯ ซึ่งเราควรต้องสะท้อนเอกลักษณ์ออกมาให้ชัดเจน เมื่อลูกค้าอ่านแล้ว ควรจะเข้าใจและจดจำได้ทันทีว่า นี่คือแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบนี้
5.ต้องปรับให้เข้ากับความต้องการตามยุคสมัย
เราทราบกันดีว่า เวลาในทางธุรกิจวิ่งไปเร็วเสมอ คุณค่าที่ลูกค้าต้องการ ก็ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้น Value Proposition จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยด้วย
สิ่งที่เราทำได้คือศึกษาและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อย่างเป็นระบบ ทั้งในด้านเก็บข้อมูล และการใช้ข้อมูลนั้นเอามาวิเคราะห์ เช่น จากข้อเสนอแนะลูกค้า, ข้อมูลการซื้อ, โซเชียลมีเดีย ฯลฯ เพื่อทำความเข้าใจความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
6.สร้างแรงดึงดูดทางอารมณ์
มนุษย์ตัดสินใจด้วย “ความรู้สึก” มากกว่าเหตุผล ดังนั้น Value Proposition ต้องสร้าง Connection ผ่านเรื่องราว (Storytelling) เพราะสุดท้ายต่อให้คุณสร้างผลิตภัณฑ์ด้วยความตั้งใจ แต่ขาดการสื่อสารที่ดี ผลสุดท้ายก็ไม่เกิด Engagement ใด ๆ จากเรื่องนี้
แบรนด์จะได้ประโยชน์อะไรจาก Value Proposition
การมี Value Proposition ที่ชัดเจนและโดดเด่นจะช่วยให้ธุรกิจของคุณแตกต่างจากคู่แข่ง และดึงดูดความสนใจของลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น ลูกค้าเห็นว่าทำไมพวกเขาควรเลือกสินค้าหรือบริการของคุณแทนที่จะเป็นของคู่แข่ง อีกทั้งยังช่วยกำหนดทิศทางและเป้าหมายภายในองค์กรอีกด้วย เมื่อทุกคนในองค์กรเข้าใจว่าธุรกิจกำลังมุ่งมั่นที่จะมอบคุณค่าอะไรให้กับลูกค้า ทุกคนในองค์กรก็จะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นได้ และการตัดสินใจใด ๆ ในองค์กรก็ดียิ่งขึ้นเพราะคุณจะกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด หรือการจัดสรรทรัพยากร ให้สอดคล้องกับข้อเสนอคุณค่าของธุรกิจ
วางกลยุทธ์อย่างไรให้สอดคล้องกับ Value Proposition
เมื่อคุณกำหนด Value Proposition หรือข้อเสนอคุณค่าที่คุณจะมอบให้กับลูกค้าได้ชัดเจนแล้ว สิ่งที่จำเป็นต่อมาคือการนำ Value Proposition นั้นมากำหนดเป็นกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อทำให้คุณค่าที่เราต้องการส่งมอบนั้นเกิดขึ้นจริงและสัมผัสได้ชัดเจนยิ่งขึ้น องค์กรที่มี Value Proposition ที่ดีและชัดเจนจะช่วยกำหนดทิศทางและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจได้ดีขึ้น เพราะเมื่อทราบคุณค่าที่คุณต้องการส่งมอบให้กับลูกค้าแล้ว ก็จะสามารถประยุกต์ใช้กับการกำหนดกลยุทธ์ในด้านต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริม Value Proposition นั้นให้เข้มแข็งยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยอาจจะมีหลักการในการวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกัน
ทุกกลยุทธ์ที่วางแผนต้องเน้นย้ำและสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับ Value Proposition ให้ลูกค้าเห็นถึงคุณค่าหลักขององค์กรอย่างชัดเจน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ บริการ การตลาด การขาย ฯลฯ กลยุทธ์องค์กรจะต้องมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาและความต้องการของลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก โดยพิจารณาจาก Pain Points และ Jobs to be done ของลูกค้าเป็นสำคัญ แตกต่างจากคู่แข่งให้ชัดเจน และต้องให้สอดคล้องกับแบรนด์ของเรา โดยมุ่งเน้นไปที่การตอกย้ำและสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมหลัก (Core Values) ของแบรนด์
กำหนด Value Proposition อย่างไรให้เข้ากับปี 2025
ทางที่ดีคือ คุณต้องออกแบบ Value Proposition ให้มีความ Timeless มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่องค์กรก็ต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ Value ขององค์กรก็เช่นเดียวกันก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป หากคุณพบว่า Value Proposition ที่คิดขึ้นมาหมดอายุแล้ว เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก ให้ลองปรับกลยุทธ์ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- เน้นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาสร้างคุณค่าเฉพาะ : ในปี 2025 เทคโนโลยี AI, IoT, Big Data กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเราไปแล้ว ธุรกิจจึงต้องใช้จุดนี้สร้างความแตกต่าง โดยแปลงข้อมูลเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้แม่นยำ ตัวอย่างเช่น การใช้ AI ในแพลตฟอร์มการตลาด MAAC ช่วยแนะนำสินค้าที่ลูกค้าแต่ละคนสนใจบน LINE OA
สร้างประสบการณ์ส่วนตัว (Hyper-Personalization) : เมื่อธุรกิจมี Value Proposition ที่ชัดเจนแล้ว ธุรกิจต้องนำเอา Value propostion มาจับคู่กับ Customer Profile หรือโปรไฟล์ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ใช้ประโยชน์จาก Value propostion ของบริษัทได้ เพื่อให้คุณค่าของธุรกิจได้รับการสื่อสารไปหาลูกค้าอย่างตรงกลุ่ม ทางแบรนด์จะต้องเน้นการปรับแต่งประสบการณ์ส่วนบุคคลสูงสุด ให้เกิดความรู้สึกว่าสินค้าหรือบริการนี้สร้างมาเพื่อคุณเพียงคนเดียวให้มากที่สุด ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก โดยแบรนด์สามารถปรับใช้ด้วยการทำการตลาดเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing)
ผนวก Sustainability เข้ากับคุณค่าหลัก : ในปัจจุบันความยั่งยืนกลายเป็น “ข้อกำหนดพื้นฐาน” ที่ลูกค้าคาดหวังจากทุกธุรกิจในปี 2025 Value Proposition ต้องสอดแทรกแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) ให้ชัดเจน
ออกแบบให้ปรับตัวได้เร็วด้วย (Agile Framework) : ความไม่แน่นอนคือความท้าทายหลักของโลกอนาคต แบรนด์ต้องสร้าง Value Proposition ที่ “ยืดหยุ่นและปรับตัวได้ทัน” โดยออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและกระบวนการทำงานให้รองรับการเปลี่ยนแปลง
ใช้ Data-Driven Insights สร้างคุณค่าที่วัดผลได้ : การตัดสินใจต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลจริงมากขึ้น Value Proposition จึงควรสื่อสารด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ ใช้ Predictive Analytics คาดการณ์ได้
ยกระดับ Value Proposition ด้วย MAAC Crescendo Lab
ในการสร้าง Value Proposition ที่ตรงใจลูกค้าอย่างแท้จริงนั้น คุณจะต้องเข้าใจโปรไฟล์ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจอย่างลึกซึ้ง รวมทั้งต้องสามารถสื่อสารให้ Value Proposition ส่งตรงหาลูกค้าอย่างตรงกลุ่ม ซึ่งหนึ่งในวิธีที่คุณจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้คือ การเลือกระบบ CRM (Customer Relationship Management) ที่เหมาะสมมาใช้
Crescendo Lab ได้พัฒนาโซลูชัน MAAC และ CAAC ขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาดและการขายให้กับแบรนด์ โดยเน้นการพัฒนาการโต้ตอบระหว่างลูกค้าและแบรนด์ผ่าน LINE MAAC และ CAAC จาก Crescendo Lab จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่เข้ามาช่วยแบรนด์เก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งมีระบบวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทำให้คุณสามารถเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า 360 องศา (Customer 360) ตลอด Customer Journey ของลูกค้า ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างยอดขายระยะยาว
เมื่อเรามีฐานข้อมูลลูกค้าที่ครอบคลุมและวิเคราะห์เชื่อมโยงแล้ว ก็จะนำไปสู่การสร้าง Value Proposition ที่จะสื่อสารคุณค่าหลักขององค์กร รวมถึงการสร้าง Customer Profile ที่ตรงกับการใช้งาน Value Proposition ของธุรกิจอย่างแม่นยำ ทำให้สามารถสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่ม แม่นยำ รวมไปถึง Personalized ข้อความทางการตลาดให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนได้ เพราะคุณจะเห็นลูกค้าตลอดทั้ง Customer Journey ซึ่งคุณจะได้รู้ว่าทำอย่างไรถึงจะสร้างความพึงพอใจและความภักดีระยะยาวได้
สุดท้ายก่อนไปวันนี้ขอฝากเรื่องสำคัญสุดท้ายที่หลายคนอาจจะเข้าใจผิด ซึ่งเข้าใจว่า Value Proposition คือ “สโลแกนหรือคำโฆษณา” แต่อยากให้เปลี่ยนแนวคิดนี้ ว่ามัน ไม่ใช่สโลแกนหรือคำโฆษณา แต่เป็น “สัญญา” ที่สำคัญมาก ๆ ที่ธุรกิจมอบให้กับลูกค้า เป็นคำมั่นที่คุณต้องรักษาให้ได้ทุกครั้งที่ลูกค้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าของคุณ Value Proposition เป็นหัวใจของธุรกิจที่คุณต้องพยายามส่งมอบให้ได้จริง และเมื่อคุณทำได้ ลูกค้าก็จะชื่นชอบ และอยากสนับสนุน บอกต่อให้กับคนรอบข้าง และกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่งผลให้ค่า Customer Lifetime Value สูงยิ่งขึ้น เพราะลูกค้ารู้ว่า ทุกครั้งที่มาหาคุณ พวกเขาจะได้รับในสิ่งที่คุณสัญญาไว้อย่างแน่นอน
สนใจเครื่องมือเทคโนโลยีการตลาด MarTech เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ LINE OA ของคุณ ปรึกษาทีมงานฟรี!

Crescendo Lab TH
The editing group of Crescendo Lab Thailand