STP Marketing คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับการตลาดออนไลน์ในปี 2024
MarTech Trends • 14 ส.ค. 2024, 12:06:41 • Written by: Crescendo Lab TH
ติดตามความรู้ในแวดวง Martech จาก Crescendo Lab คลิกเลย!
สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจ ย่อมเข้าใจดีว่าปัจจุบันการทำธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในปี 2024 ที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งธุรกิจใดที่ต้องการที่จะอยู่รอด และนำพาให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้จำเป็นต้องมี Framework และเครื่องมือมาช่วย เพื่อให้ตามทันการเปลี่ยนแปลงของลูกค้า และเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของพวกเขาแม้เวลาจะผ่านไป แล้วจะมีเครื่องมืออะไรที่จะทำสิ่งนี้ให้บรรลุเป้าหมายได้?
บทความนี้จึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับการทำ STP Marketing และการนำไปประยุกต์ใช้ รับรองว่าทุกคนจะได้ประโยชน์จากเนื้อหาวันนี้แน่นอน ไปดูกันเลย!
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ👇
- มาทำความรู้จักเบื้องต้นกับ STP Marketing
- เราได้ประโยชน์อะไรจากการรู้จัก STP
- นำ STP Marketing ไปใช้ในธุรกิจได้อย่างไร
- เมื่อเรารู้จัก STP แล้วจะทำอย่างไรในขั้นต่อไป?
- แนะนำเครื่องมืออะไรในการทำ STP Marketing
- LINE CRM (MAAC) ของ Crescendo Lab จะช่วยทำ STP Marketing อย่างไร?
- บทสรุป
มาทำความรู้จักเบื้องต้นกับ STP Marketing
STP Marketing คือกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการแบ่งกลุ่มตลาด (Segmentation) การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Targeting) และการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning) เพื่อสร้างสินค้าและวิธีการทำการตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันสูงและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว STP Marketing ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพราะจะช่วยให้เราเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และสามารถปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมได้
การแบ่งกลุ่มตลาด (Segmentation) คืออะไร?
การแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ ตามลักษณะเฉพาะ เช่น อายุ เพศ รายได้ หรือพฤติกรรมการซื้อ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าใจความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น การแบ่งกลุ่มตลาดช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างแม่นยำ
การกำหนดลูกค้าเป้าหมาย (Targeting) คืออะไร?
การเลือกกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพสูงสุดในการสร้างรายได้และความสำเร็จให้กับธุรกิจ จากกลุ่มลูกค้าที่ได้แบ่งออกมาในขั้นตอน Segmentation การกำหนดลูกค้าเป้าหมายช่วยให้ธุรกิจสามารถมุ่งเน้นการตลาดและทรัพยากรไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีโอกาสสูงสุดในการเปลี่ยนเป็นลูกค้าจริง
การวางตำแหน่งสินค้า (Positioning) คืออะไร?
การวางตำแหน่งสินค้าเป็นวิธีการที่มุ่งเน้นการกำหนดตำแหน่งของสินค้าหรือบริการที่เรามี ให้ถูกต้องตรงกับสิ่งที่ลูกค้าเป้าหมายต้องการ ยกตัวอย่างเช่นว่า หากเรามีสินค้าคือกระเป๋าแบรนด์เนม เราก็ต้องเน้นการสร้างจุดยืนที่ส่งผลต่อความรู้สึกหรืออารมณ์ของลูกค้า เช่น ความรู้สึกภาคภูมิใจ ความสุข หรืออารมณ์ร่วมกับสินค้า การวางตำแหน่งสินค้าเป็นขั้นตอนทางการตลาดที่สำคัญที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างจุดยืนในตลาดมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าของเราได้
เราได้ประโยชน์อะไรจากการรู้จัก STP
จากความหมายที่เราได้อธิบายไปทั้ง Segmentation, Targeting, และ Positioning โดยทั้ง 3 อย่างเมื่อนำทุกอย่างมาใช้ร่วมกันก็จะเป็นเครื่องมือ STP Marketing ซึ่งเราต้องนำทั้ง 3 มาใช้ร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยต้องเริ่มจากการวิเคราะห์แบ่งกลุ่มตลาดอย่างละเอียด (S) จากนั้นเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงสุด (T) และสุดท้ายกำหนดตำแหน่งสินค้าที่ชัดเจนเพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย (P)
การทำ STP Marketing อย่างเป็นระบบจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยสรุปแล้วเราจะได้ประโยชน์ที่สำคัญหลัก ๆ 3 ข้อดังนี้
- เมื่อเรารู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร มีความต้องการและพฤติกรรมอย่างไร เราก็สามารถเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารและสร้างเนื้อหาที่ตรงใจพวกเขาได้
- เราสามารถจัดสรรงบประมาณการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะรู้ว่าควรเน้นลงทุนกับกลุ่มเป้าหมายใด
- เราก็จะสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไม่สิ้นเปลืองไปกับการลงทุนที่ไม่สร้างผลตอบแทนที่ไม่ดีพอ
นำ STP Marketing ไปใช้ในธุรกิจได้อย่างไร
วิธีใช้งานของ STP Marketing ประกอบด้วยสามขั้นตอนหลัก ได้แก่ การแบ่งกลุ่มตลาด (Segmentation) การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Targeting) และการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning) ซึ่งแต่ละขั้นตอนเราจะลงลึงในหัวข้อนี้
การแบ่งกลุ่มตลาด (Segmentation)
การแบ่งกลุ่มตลาดคือการแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ ตามลักษณะที่เฉพาะเจาะจง เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแบ่งกลุ่มตลาดสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- ประชากรศาสตร์ (Demographics) : อายุ, เพศ, รายได้, การศึกษา
- จิตวิทยา (Psychographics) : ไลฟ์สไตล์, ค่านิยม, บุคลิกภาพ
- ภูมิศาสตร์ (Geographic) : ที่ตั้ง, ภูมิภาค, สภาพอากาศ
- พฤติกรรม (Behavioral) : ความถี่ในการซื้อ, ความภักดีต่อแบรนด์, การใช้สินค้า
การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Targeting)
หลังจากแบ่งกลุ่มตลาดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพสูงสุดในการสร้างรายได้และความสำเร็จให้กับธุรกิจ หลักการในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย มีประเภทของกลยุทธ์การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะแนะนำจะมีดังนี้
การตลาดแบบไม่แตกต่าง (Undifferentiated Marketing)
โดยเราจะมองว่าตลาดทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยไม่แบ่งแยกกลุ่มลูกค้า สินค้าและการตลาดจะเหมือนกันสำหรับทุกคน เหมาะสำหรับสินค้าที่มีการบริโภคทั่วไป เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำอัดลม
การตลาดแบบแตกต่าง (Differentiated Marketing)
เป็นการตลาดที่แบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็นหลายกลุ่ม และพัฒนาสินค้าและการตลาดที่ตอบสนองความต้องการของแต่ละกลุ่ม เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีรถยนต์หลายรุ่นสำหรับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน
การตลาดแบบเฉพาะส่วน (Concentrated Marketing)
ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มเดียว โดยใช้ทรัพยากรทั้งหมดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดสำหรับกลุ่มนั้น เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการสร้างฐานลูกค้าที่ภักดี
การตลาดแบบปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Micromarketing)
การตลาดที่เน้นไปที่ลูกค้าแต่ละบุคคล โดยปรับแต่งสินค้าและการตลาดให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของลูกค้า เหมาะสำหรับธุรกิจที่ให้บริการเฉพาะบุคคลหรือสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น Software House ที่จะรับสร้างระบบให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าเป็นต้น
การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning)
การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning) เป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการ STP Marketing เมื่อเราได้รู้จักแล้วว่าลูกค้าเราคือใคร มีความต้องการอย่างไร จาก 2 ขั้นตอนที่ได้เขียนไปข้างต้น ขั้นตอนที่ 3 การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ คือการกำหนดตำแหน่งที่ต้องการให้สินค้าหรือบริการของธุรกิจตรงกับความต้องการของลูกค้า การวางตำแหน่งที่ดีจะช่วยให้ลูกค้ารับรู้ถึงความแตกต่างและคุณค่าที่ธุรกิจนำเสนอ โดยมีหลากหลายวิธีที่เราจะสามารถทำได้ แต่จะขอยกตัวอย่างที่นิยมใช้กันคือ
1. การวางตำแหน่งตามคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์
- เน้นคุณลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์ เช่น คุณภาพ ความคงทน หรือการออกแบบ ตัวอย่างเช่น รถยนต์ Volvo ที่เน้นความปลอดภัย หรือโทรศัพท์มือถือ Apple ที่เน้นการออกแบบที่ทันสมัยและเทคโนโลยีล้ำหน้า
2. การวางตำแหน่งตามประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับ
- เน้นประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากการใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น ความสะดวกสบาย หรือความปลอดภัย ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เน้นความสะดวกในการใช้งาน หรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่เน้นประโยชน์ต่อสุขภาพ
3. การวางตำแหน่งตามราคา
- เน้นราคาที่แข่งขันได้หรือราคาที่ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์คู่แข่ง ตัวอย่างเช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นสินค้าราคาถูก หรือแบรนด์เสื้อผ้าที่เน้นราคาย่อมเยา เช่น ความน่าเชื่อถือ หรือความหรูหรา
4. การวางตำแหน่งตามภาพลักษณ์แบรนด์
- เน้นภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ เช่น ความน่าเชื่อถือ หรือความหรูหรา ตัวอย่างเช่น นาฬิกา Rolex ที่เน้นความหรูหราและความเป็นผู้นำ หรือแบรนด์เครื่องสำอางที่เน้นความงามและความเป็นธรรมชาติของส่วนผสมที่ใช้
5. การวางตำแหน่งตามผู้ใช้
- เน้นกลุ่มผู้ใช้เฉพาะ เช่น ผู้ใช้ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย หรือผู้ใช้ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับนักกีฬา ที่ต้องการ Function ที่เพิ่มสมรรถภาพในการใช้งาน
เมื่อเรารู้จัก STP แล้วจะทำอย่างไรในขั้นต่อไป?
หลังจากที่เราได้วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ตามวิธีการของ STP แล้ว เราจะมาอธิบายต่อว่า ข้อมูลทุกอย่างที่ได้มา เราจะเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง มันมีประโยชน์อย่างไร
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development)
เราสามารถใช้ข้อมูลจากการแบ่งกลุ่มตลาดและการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด เช่น การปรับปรุงคุณภาพ การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดใจ
การสร้างกลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy)
การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์จะช่วยกำหนดทิศทางและข้อความหลักที่ใช้ในการสื่อสารการตลาด คุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การเลือกช่องทางการโฆษณาที่กลุ่มเป้าหมายใช้งานบ่อย
การเลือกช่องทางการจัดจำหน่าย
การรู้จักกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้คุณเลือกช่องทางการจัดจำหน่ายที่เหมาะสม เช่น การขายผ่านออนไลน์, ร้านค้าปลีก, หรือการขายตรง เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด
การกำหนดราคา (Pricing Strategy)
การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์จะช่วยให้คุณกำหนดราคาที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ในตลาด เช่น การตั้งราคาสูงสำหรับสินค้าระดับพรีเมียม หรือการตั้งราคาต่ำเพื่อเจาะตลาดมวลชน
การพัฒนาการสื่อสารกับลูกค้า
ใช้ข้อมูลจากการแบ่งกลุ่มตลาดและการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจและความต้องการของลูกค้า เช่น การส่งอีเมลที่มีเนื้อหาเฉพาะเจาะจง, การโพสต์ในโซเชียลมีเดียที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย
การวัดผลและปรับปรุง
ตรวจสอบและวิเคราะห์ผลลัพธ์จากการนำกลยุทธ์ไปใช้ เช่น การวัดยอดขาย (Conversion), การวัดความพึงพอใจของลูกค้า, และการวัดผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์การตลาดต่อไป
กรณีศึกษาตัวอย่าง STP Marketing ในธุรกิจจริง
Texas Chicken
กรณีศึกษาของ Texas Chicken ผ่านแคมเปญ #ไก่ทอดโลกจำ ที่พัฒนาโดย SO IDEA และ Crescendo Lab เป็นการนำกลยุทธ์ STP มาใช้ในแคมเปญนี้ ช่วยให้ Texas Chicken สามารถเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
การแบ่งกลุ่มตลาด (Segmentation) :
Texas Chicken ได้แบ่งกลุ่มตลาดโดยใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม MAAC ของ Crescendo Lab ซึ่งช่วยในการติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า โดยมีการใช้ Deeplink เพื่อระบุแหล่งที่มาของลูกค้า ทั้งจากช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถระบุและแบ่งกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจสูงได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Targeting) :
Texas Chicken มุ่งเน้นการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเก่าผ่านการใช้ LINE Official Account (LINE OA) เป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ โดยใช้แคมเปญที่สร้างสรรค์และการมีส่วนร่วมผ่านเกม PAPRIKA Lucky Wheel และการแจกคูปองส่วนลดพิเศษ ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนเพื่อน หรือผู้ติดตามใน LINE OA ได้อย่างมีนัยสำคัญ
การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning) :
Texas Chicken วางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของตนในฐานะแบรนด์ไก่ทอดที่มีความครีเอทีฟและใกล้ชิดกับลูกค้า โดยใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Omni-Channel ที่ผสานการใช้ Social Media และ Marketing Automation เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและครอบคลุมให้แก่ลูกค้า ผ่านการใช้แพลตฟอร์ม MAAC และการจัดการข้อมูลลูกค้าผ่าน LINE OA ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ โดยตัวอย่าง แคมเปญ #ไก่ทอดโลกจำ ที่เน้นการมีส่วนร่วมของลูกค้าในการเล่นเกม PAPRIKA Lucky Wheel ซึ่งสร้างความสนุกสนานและความผูกพันกับแบรนด์ Crescendo Lab ได้เขียนบทความเกี่ยวกับ Case Study ของ Texas Chicken ไว้แนะนำให้ทุกคนเข้าไปอ่านกันได้ที่บทความ วิธีเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของ Texas Chicken ผ่านแคมเปญสุดมันโดย SO IDEA กับ Crescendo Lab
Apple
การแบ่งกลุ่มตลาด (Segmentation) :
Apple ใช้การแบ่งกลุ่มตลาดตามพฤติกรรม (Behavioral) และจิตวิทยา (Psychographic) โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์, ชื่นชอบเทคโนโลยีล้ำหน้า, และมีรายได้สูง
การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Targeting) :
Apple มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นมืออาชีพ, นักออกแบบ, นักเรียน, และกลุ่มที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและการออกแบบที่สวยงาม
การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning) :
Apple วางตำแหน่งตัวเองเป็นแบรนด์พรีเมียมที่มอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง, เทคโนโลยีล้ำหน้า, และการออกแบบที่สวยงาม โดยเน้นการสร้างความรู้สึกพิเศษและเอกสิทธิ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์
แนะนำเครื่องมืออะไรในการทำ STP Marketing
สำหรับในประเทศไทยเรียกได้ว่า Application Chat ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ LINE ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุก ๆ ธุรกิจที่ประกอบกิจการในประเทศไทย และต้องการที่จะสื่อสารกับลูกค้าจะต้องมี LINE OA กันทุกองค์กร โดย LINE OA นอกจากจะเป็นเครื่องมือสื่อสารแล้ว เราสามารถนำ LINE OA มาใช้ในการทำ STP ได้อีกด้วยเช่นกัน
โดยเครื่องมือ LINE CRM ซึ่งก็คือระบบการจัดการข้อมูลลูกค้า (CRM) ผ่านแพลตฟอร์ม LINE โดยระบบนี้จะเชื่อมต่อกับ LINE OA ที่มีอยู่ของธุรกิจ เพื่อจัดเก็บบันทึกข้อมูล การสั่งซื้อ และข้อมูลอื่น ๆ ของลูกค้าที่ทางธุรกิจสามารถนำมาต่อยอดได้ โดยระบบนี้เรียกว่า MAAC เป็นหนึ่งในโซลูชันของ Crescendo Lab
ก่อนที่จะพาทุกคนไปรู้จักกับผลิตภัณฑ์ของ Crescendo Lab ที่จะมาเป็นเครื่องมือในการนำ STP Marketing ไปใช้ได้จริง เราจะทุกคนไปดูว่าการนำ LINE OA ไปใช้กับ STP แต่ละขั้นตอนมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
ขั้นตอน : Segmentation
LINE CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างละเอียด เช่น การสร้างแบบฟอร์มลงทะเบียนเพื่อเก็บข้อมูลความสนใจของลูกค้า เพื่อที่เราจะนำข้อมูลไปแบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมและความสนใจ
ขั้นตอน : Targeting
หลังจากแบ่งกลุ่มลูกค้าแล้ว ธุรกิจสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงสุดในการทำการตลาด เช่น การส่งข้อความโปรโมชันเฉพาะกลุ่มที่สนใจสินค้าประเภทเดียวกัน หรือการให้สิทธิพิเศษกับสมาชิกระดับพรีเมียมหรือวีไอพี
ตัวอย่างขั้นตอน : Positioning
LINE CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การส่งข้อความที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าด้วยฟีเจอร์ AI (AI-Smart Recommendation) การใช้ระบบสะสมแต้มเพื่อสร้างความภักดี และการใช้ฟีเจอร์ Personalization เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์ โดยเราได้เคยเขียนบทความเกี่ยวกับ (Personalized Marketing) หากต้องการลงลึกสามารถไปอ่านเพิ่มเติมกันได้
LINE CRM (MAAC) ของ Crescendo Lab จะช่วยทำ STP Marketing อย่างไร?
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับ LINE CRM (MAAC) ว่าคืออะไร โดยเครื่องมือ MAAC ของเรา เป็นแพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูลลูกค้า หรือ CRM ที่สามารถเชื่อมต่อเพื่อใช้งานร่วมกับ LINE Official Account ของธุรกิจ โดยจะช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของโซลูชัน MAAC ไม่ว่าจะเป็น การเก็บสะสมแต้ม ช่วยให้ลูกค้าสามารถสะสมแต้มและรับสิทธิพิเศษตามระดับสมาชิก ฟีเจอร์จัดหมวดหมู่ลูกค้าสมาชิกตามระดับการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ โดยเรียงจากมากไปน้อย การสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจออนไลน์ด้วย SurveyCake ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าและแยกกลุ่มความสนใจได้อย่างละเอียด ฟีเจอร์ตั้งทริกเกอร์และเวลาเพื่อส่งข้อความอัตโนมัติด้วย AI-Smart Customer Journey ช่วยให้ธุรกิจสามารถตั้งค่าการส่งข้อความอัตโนมัติผ่าน Workflows Automation เป็นต้น เราจะขอยกตัวอย่างแต่ละขั้นตอนของ STP ว่าการนำเครื่องมือ LINE CRM (MAAC) ไปใช้จะสามารถใช้ได้อย่างไร
ตัวอย่างการนำ MAAC ไปใช้
- ระบบ LINE CRM (MAAC) จะมี AI Smart Segmentation ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และสามารถแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรมและความสนใจอย่างแม่นยำ ช่วยให้ธุรกิจสามารถระบุและจัดกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพในการซื้อสินค้าสูงได้ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการแบ่งกลุ่มตลาด (Segmentation) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- เมื่อทำการวิเคราะห์ STP แล้ว คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ Auto-tagging ของ MAAC เพื่อจัดเก็บข้อมูลและจัดหมวดหมู่ประเภทของลูกค้า เพื่อเลือกส่งข้อความและโปรโมชันที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ทำให้การสื่อสารมีความเฉพาะเจาะจงหรือมีความ personalized มากยิ่งขึ้น โดยผ่านโซลูชันของ MAAC
- เครื่องมือ MAAC จะมีฟีเจอร์คูปองและโปรโมชันที่ปรับแต่งตามความสนใจเฉพาะกลุ่มของลูกค้า เพื่อให้คุณสามารถสร้าง Customer Engagement ได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ หรือระบบ สะสมแต้มและสิทธิพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความภักดี สามารถช่วยรักษาฐานลูกค้าด้วยในระยะยาวได้
บทสรุป
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับ STP Marketing และการนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจแล้ว เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังมองหากลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพในปี 2024 การนำ STP Marketing มาปรับใช้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และวางตำแหน่งแบรนด์ได้ถูกต้อง ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างการเติบโตและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าในระยะยาว ขอให้ทุกคนโชคดีและประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า!
Written by Sirichok Maneechot
สนใจเพิ่มยอดขายธุรกิจของคุณบน LINE OA ปรึกษาฟรี!