Go Back Up

back to blog

10 ขั้นตอนขายของออนไลน์มือใหม่ เริ่มง่ายๆ จากขายอะไรดี?

กลยุทธ์การตลาด • 6 ต.ค. 2023, 23:28:17 • Written by: Ainee S.

คนที่กำลังคิดจะเริ่มทำธุรกิจ หรือหารายได้เสริม การขายของออนไลน์คงเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง นั่นเป็นเพราะว่าการขายสินค้าออนไลน์ไม่ต้องลงทุนเยอะ ไม่มีค่าเช่าที่ และยังขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง อาจจะฟังดูง่าย แต่จริงๆ แล้วต้องใช้กลยุทธ์มากมายเพื่อให้ร้านค้าสามารถอยู่ในการแข่งขันอันดุเดือดได้

บทความนี้เขียนมาเพื่อแนะแนวทางการเตรียมตัวเปิดร้านขายของออนไลน์ให้พ่อค้า-แม่ค้ามือใหม่โดยเฉพาะ และยังแถมคำแนะนำดีๆ ไว้ตอนท้ายให้ร้านค้ามืออาชีพเพิ่มยอดขายให้พุ่งกว่าเดิม ไปดูกันเลย!

5 ทักษะสำคัญที่พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ควรมี

ก่อนเปิดร้านค้าออนไลน์ ลองสำรวจตัวเองดูว่าคุณมีจิตวิญญาณยอดนักขายของออนไลน์มากแค่ไหน ทักษะสำคัญที่นักขายของออนไลน์ควรมี ได้แก่

1. วิเคราะห์ข้อมูลเก่ง

นักขายที่ดีต้องเข้าใจความต้องการลูกค้าให้ได้มากที่สุด นอกจากจะต้องวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าว่าเป็นใคร อายุเท่าไหร่ เพศอะไร และมีความสนใจอะไรแล้ว ยังต้องมีทักษะการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าที่โดดเด่น เช่น การคาดการณ์การซื้อของลูกค้าในอนาคต ทักษะนี้จึงช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

2. ความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ

วลีเด็ดของคุณบิล เกตส์ที่ว่า “Content is King” หรือ “คอนเทนต์เป็นหัวใจสำคัญของสื่อทุกประเภท” ยังคงใช้ได้เสมอ โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ทุกคนสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายๆ จากการพิมพ์หรือคลิกบนเว็บไซต์ การมีร้านค้าออนไลน์จึงต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ และไอเดียที่แตกต่าง เพื่อนำเสนอเนื้อหาให้เชื่อมโยงกับสินค้าได้อย่างน่าสนใจ จนดึงดูดผู้ติดตามให้กลายเป็นลูกค้าในอนาคต

3. ปรับตัวไวเท่าทันเทคโนโลยี

เว็บไซต์เป็นช่องทางการขายออนไลน์แบบดั้งเดิม แต่ทุกวันนี้คนไทยนิยมใช้ LINE เป็นแอพพลิเคชั่นหลักในการสื่อสาร ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องมือมากมายที่อำนวยความสะดวกในการซื้อขายของออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม Social Media และ E-commerce เกิดขึ้นใหม่เรื่อยๆ ดังนั้นการปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้จึงเป็นทักษะที่มองข้ามไม่ได้เลยทีเดียว

(ลองอ่านบทความเพิ่มเติม ‘การตลาดผ่านไลน์’ คลิกที่นี่ LINE Marketing คืออะไร? ห้ามพลาด 7 เทคนิคการตลาดผ่านไลน์!)

4. มีใจรักบริการ

การขายของออนไลน์อาจจะไม่ใช่งานบริการโดยตรงซะทีเดียว แต่อย่าลืมว่าคุณจะต้องพูดคุยกับลูกค้าเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการตอบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า ช่วยแก้ไขปัญหา หรือรับมือกับคำพูดรุนแรงเวลาลูกค้าไม่พอใจกับสินค้าที่ได้จากร้านค้าออนไลน์ของคุณ นักขายออนไลน์ที่ดีจึงต้องมีใจรักบริการ สร้างความประทับใจให้ลูกค้าแม้ว่าจะต้องตอบข้อความซ้ำๆ หรือบางทีเยอะจนตอบไม่หวาดไม่ไหว

5. อดทนและมุ่งมั่น

“ขายของออนไลน์แล้วรวยเร็ว” ไม่มีอยู่จริง คุณต้องมีความอดทน และมุ่งมั่นขั้นสูงเพราะช่วงแรกที่เปิดร้านอาจจะไม่มีลูกค้าเลย แล้วหลังจากที่สร้างความไว้ใจใ้ห้ลูกค้าจนเกิดการซื้อซ้ำได้แล้ว ยังมีอุปสรรคอีกมากมายที่ต้องฟันฝ่า เพราะยอดขายนั้นมีขึ้นก็ต้องมีลง คุณต้องมุ่งมั่นที่จะคอยหาวิธีปรับกลยุทธ์ให้ลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อสินค้าในร้านค้าคุณอย่างต่อเนื่อง

แนะนำ 10 ขั้นตอนขายของออนไลน์มือใหม่ ทำแล้วรุ่ง!

หลังสำรวจทักษะของยอดนักขายออนไลน์เสร็จแล้ว ทีนี้เรามาดูขั้นตอนการขายของออนไลน์สำหรับมือใหม่ที่เริ่มจากศูนย์กันเลยดีกว่า

ขั้นตอนที่ 1: เลือกสินค้าที่ใช่

“ขายอะไรดี?” เรียกได้ว่าเป็นคำถามกุมขมับสำหรับคนที่อยากเริ่มขายของออนไลน์ สองวิธีหลักในการตัดสินใจว่าจะขายอะไรนั้นได้แก่ 1.เลือกจากความชอบ และ 2.เลือกจากสินค้าที่กำลังติดเทรนด์

ถ้าคุณเป็นสายแฟชั่นชอบแต่งตัว อาจจะลองหาแหล่งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ที่กำลังฮิตมาขาย แต่ถ้าไม่มีความชอบส่วนตัว ลองสำรวจตลาดดูว่าสินค้าอะไรกำลังมาแรง เช่น เทรนด์ของใช้สัตว์เลี้ยงเป็นที่นิยม อาจจะลองหาอาหารหรือของเล่นสัตว์เลี้ยงมาขาย แต่ถ้าคุณยังนึกไม่ออก ไม่ต้องกังวลไป เพราะเรามีคำแนะนำเพิ่มเติมแบบละเอียดในหัวข้อถัดไป

ขั้นตอนที่ 2: ตั้งชื่อร้านให้ปัง

หลังเลือกได้แล้วว่าจะขายอะไร สเต็ปต่อมาคือการตั้งชื่อร้านยังไงให้น่าจดจำ หัวใจสำคัญของการตั้งชื่อร้านคือ อ่านง่าย จำง่าย ค้นหาง่าย ถ้าใช้ชื่อร้านเป็นภาษาต่างประเทศ อาจจะต้องคำนึงด้วยว่าคนไทยสามารถออกเสียงได้ถูกต้องไหม

ถ้าอยากให้ร้านออนไลน์ของคุณค้นเจอง่ายใน Google หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เปิดขาย อาจจะลองตั้งชื่อร้านให้มีคีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับประเภทสินค้าที่คุณขาย เช่น ถ้าขายสินค้าตกแต่งบ้าน ให้ตั้งชื่อที่มีคำว่า Decor หรือ Home เป็นต้น แต่ก่อนจะเคาะชื่อร้านที่โดนใจ ลองสำรวจด้วยว่าชื่อซ้ำกับคู่แข่งหรือแบรนด์อื่นไหม ชื่อจะได้ไม่ชนกันจนทำให้ลูกค้างงได้

ขั้นตอนที่ 3: ค้นหากลุ่มลูกค้าที่ใช่

แน่นอนว่ายอดขายของออนไลน์ต้องมาจากลูกค้า เพราะฉะนั้นคุณจะต้องทำการบ้านให้ดีว่าจะขายสินค้าให้ใคร ขั้นตอนนี้ต้องสวมหมวกนักวิเคราะห์การตลาด เพื่อสำรวจดูว่าลูกค้าในอนาคตของคุณมีลักษณะแบบไหนไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ อาชีพ หรือความชอบ ยิ่งคุณรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

ขั้นตอนที่ 4: คำนวณต้นทุนให้ดี

มองเผินๆ แล้วต้นทุนในการขายของออนไลน์เหมือนจะมีแค่ค่าสินค้าที่คุณเลือกมาขาย แต่อย่าลืมไปว่ายังมีต้นทุนส่วนอื่นที่ต้องนำมาหักค่าใช้จ่าย เช่น ค่าจัดส่ง ค่าอุปกรณ์แพ็กสินค้า ค่าโฆษณา หรือแม้กระทั่งค่า Gross Profit (GP) จากแพลตฟอร์ม E-commerce ฯลฯ ฉะนั้นควรคำนวณต้นทุนให้ครอบคลุม จะได้วางแผนถูกว่าควรปรับลดส่วนไหนเพื่อเพิ่มกำไรในอนาคต

ขั้นตอนที่ 5: ใช้ช่องทางการขายที่ตอบโจทย์

สำหรับขั้นตอนนี้ คุณต้องเลือกช่องทางการขายให้ดี เพราะแต่ละช่องทางมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จตั้งแต่ช่วงที่เริ่มขายของออนไลน์ของคุณเลยก็ว่าได้

ช่องทางการขาย รายละเอียด
LINE Official Account LINE เป็นแพลตฟอร์มที่มาพร้อมกับฟีเจอร์มากมาย นอกจาก LINE OA ที่ใช้คุยกับลูกค้าแบบ 1:1 แล้วยังมีช่องทางขายของตัวเองอย่าง LINE Shopping โดยลูกค้าไม่ต้องโหลดแอพฯอื่นให้ยุ่งยาก นอกจากนี้ยังมีระบบจัดการตลาด (MAAC) และระบบความสัมพันธ์ลูกค้า (CAAC) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขายให้ร้านค้าออนไลน์คุณ
Facebook เป็นช่องทางที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุด ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและหลากหลาย เฟซบุ๊คจึงเป็นช่องทางแรกๆที่เหมาะกับนักขายออนไลน์มือใหม่
Instagram เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมในกลุ่มวัยรุ่น ช่องทางนี้จะเน้นการโพสต์ภาพ ร้านค้าจึงต้องมีฝีมือถ่ายภาพให้สินค้าน่าซื้อ และคอยทำคลิปสั้น Reels ดึงดูดผู้ติดตาม
TikTok แพลตฟอร์มใหม่มาแรงช่วงโควิด และยังฮิตถึงปัจจุบัน คนที่อยากขายของผ่าน TikTok ต้องขยันตัดต่อคลิปสั้นให้กระชับและน่าตื่นตาให้เข้าถึงฟีดผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด
E-commerce Platform ตัวเลือกยอดนิยมอย่าง Shopee และ Lazada เป็นแพลตฟอร์มซื้อ-ขายออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลและหลากหลาย มีการแบ่งประเภทร้านค้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้า ทั้งนี้ร้านค้าจะโดนหักค่า Gross Profit (GP) จากยอดขายที่ได้จากร้านออนไลน์คุณ

ที่จริงแล้วคุณสามารถเลือกได้มากกว่า 1 ช่องทาง ยิ่งขายในหลายช่องทางก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสทำกำไรให้ธุรกิจคุณ

ขั้นตอนที่ 6: สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้น่าจดจำ

ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ไม่มีหน้าร้าน ทำให้ลูกค้าหลายคนต้องคิดแล้วคิดอีกกว่าจะตัดสินใจซื้อ ภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดูเข้าถึงง่ายและน่าเชื่อถือ จึงมีส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณโดดเด่นจากบรรดาคู่แข่ง

การสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดีมีหลายวิธี เช่น การเลือกใช้โลโก้ที่เป็นเอกลักษณ์ ฟอนต์อ่านง่าย การสร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจ ให้ความบันเทิง หรือให้ประโยชน์ การบริการที่ดีใส่ใจที่จะรับฟังปัญหาของลูกค้า เป็นต้น

ขั้นตอนที่ 7: วางแผนการตลาดให้ชัด

แผนการตลาดที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะจะทำให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณมีทิศทางชี้นำให้รู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อดึงดูดลูกค้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งกระบวนนี้เริ่มตั้งแต่ การวางกลุ่มเป้าหมาย การวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจ การกำหนดงบประมาณให้แผนสำเร็จ การลงมือทำตามแผน และสุดท้ายคือประเมินผลงานเพื่อปรับปรุงแผน

ขั้นตอนที่ 8: โปรโมชั่นก็สำคัญ

หลังได้แผนการตลาดแล้ว โปรโมชันก็มีส่วนสำคัญในการดึงดูดทั้งลูกค้าใหม่ และรักษาให้ลูกค้าเก่าซื้อของในร้านออนไลน์ของคุณ ในขั้นตอนนี้คุรลองวางแผนคร่าวๆ ว่าจะจัดโปรโมชันอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง เช่น ลดราคาพิเศษช่วง Double Date อย่าง 11.11 จัดส่งฟรี หรือ ซื้อ 1 แถม 1 เป็นต้น

ขั้นตอนที่ 9: ช่องทางชำระเงินยิ่งมาก ยิ่งดี!

เอาหล่ะ ใกล้จะถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ในสเต็ปนี้คุณควรศึกษาว่ามีช่องทางการชำระใดบ้าง ควรระบุวิธีการชำระเงินที่ชัดเจน และมีทางเลือกหลากหลายให้ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการโอนผ่านธนาคาร พร้อมเพย์ หรือกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Rabbit LINE Pay หรือ True Wallet ยิ่งถ้าอยากขายให้ลูกค้าต่างประเทศด้วยแล้วหล่ะก็ อาจจะต้องเปิดบัญชีเพื่อรับเงินข้ามประเทศด้วย สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงความสะดวกของลูกค้าเป็นหลัก

ขั้นตอนที่ 10: สร้างระบบหลังบ้านให้แกร่ง

ในขั้นตอนสุดท้าย คุณควรสร้างระบบหลังบ้านให้ดีตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะรักษามาตรฐานการให้บริการลูกค้าในร้านออนไลน์คุณ และถ้าธุรกิจเริ่มไปได้สวย อาจจะมองหาเครื่องมือทุ่นแรงอย่าง MAAC เพื่อเป็นตัวช่วยวิเคราะ์ข้อมูลการตลาด หรือระบบ CAAC จาก Crescendo lab เพื่อดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า การใช้ตัวช่วยเสริมเหล่านี้จะทำให้คุณมีเวลาวางกลยุทธ์ด้านอื่นให้ธุรกิจโตขึ้นในระยะยาว

บอกต่อสินค้าน่าขายบนโลกออนไลน์

สำหรับคนที่อยากขายของออนไลน์แต่ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะขายอะไรดี เราได้ลิสต์สินค้า 7 แบบ 7 สไตล์มาให้คุณโดยเฉพาะ ลองเลือกดูว่าสินค้าไหนเหมาะกับคุณแล้วลุยเลย!

หมวดที่ 1: เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ

เสื้อผ้านับว่าเป็นปัจจัยสี่ที่ใครๆก็ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะสาวๆสายแฟชั่นแล้ว การช้อปปิ้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าหรือเครื่องประดับออนไลน์เป็นอะไรที่ทำแทบทุกเดือนเลยก็ว่าได้ ดังนั้นการหาแหล่งซื้อเสื้อผ้าต้นทุนต่ำเพื่อนำมาขายต่อก็เป็นตัวเลือกต้นๆที่น่าสนใจมากทีเดียว

หมวดที่ 2: เครื่องสำอาง สกินแคร์

ปัจจุบันคนเริ่มหันมาดูแลใบหน้าและผิวพรรณของตัวเองมากขึ้น เห็นได้จากการมีตัวเลือกเครื่องสำอางและสกินแคร์มากมายในตลาด นี่จึงเป็นโอกาสที่คุณสามารถนำแบรนด์ที่น่าเชื่อถือมาขาย ที่สำคัญลูกค้าไม่ได้จำกัดเฉพาะเพศหญิง เพราะทุกคนต้องใช้ครีมบำรุง ครีมกันแดด ฯลฯ ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว

หมวดที่ 3: สินค้าเพื่อสุขภาพ

เทรนด์รักสุขภาพยังเป็นที่นิยมไม่มีตก เพราะคนเริ่มสนใจดูแลสุขภาพจากภายในสู่ภายนอกตั้งแต่ยังวัยรุ่นเลยก็ว่าได้ ดังนั้นอาหารเสริมบำรุงสมอง ผิวพรรณ เส้นผม กระดูก ฯลฯ วิตามินป้องกันโรค สินค้าออร์แกนิค หรือจะเป็นเวย์โปรตีนสำหรับสายออกกำลังกายก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวทีเดียว

หมวดที่ 4: ผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง

หลายบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงคู่ใจมักจะเลี้ยงน้องๆอย่างดีเสมือนลูกเลยทีเดียว นอกจากนี้แนวโน้มการไม่มีลูกของคนยุคใหม่ทำให้คนมีสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น ความต้องการในสินค้าที่ใช้ดูแลสัตว์จึงเพิ่มขึ้นตาม ถ้าหาแหล่งสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่าง อาหารเม็ด ขนม ของเล่น ฯลฯ ที่ดีและต้นทุนไม่แรงได้แล้วก็ลุยเลย

หมวดที่ 5: อุปกรณ์ IT

ยุคดิจิทัลแบบนี้อุปกรณ์ไอทีอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน๊ตบุ๊ค เป็นของจำเป็นที่ตื่นมาก็ต้องใช้เลย อุปกรณ์เสริม เช่น ฟิล์มกันรอย สายชาร์จ หูฟังบลูทูธ ฯลฯ จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากถ้าคุณมีแพชั่นเกี่ยวกับแกดเจ็ทไอที

หมวดที่ 6: ของตกแต่งบ้านและคอนโด

การสร้างบรรยากาศให้บ้านน่าอยู่จะต้องมีของตกแต่งที่ดูแล้วเข้ากัน กลุ่มลูกค้าที่รักการแต่งบ้านหรือคอนโดจึงพร้อมจะล้มละลายไปกับการเลือกของตกแต่งให้เข้ากับธีมที่ตัวเองชอบ ยิ่งช่วงเทศกาลสำคัญอย่างคริสต์มาสต์แล้วล่ะก็ คนที่รักการแต่งบ้านยิ่งอยากสรรหาของตกแต่งสร้างบรรยากาศอบอุ่นในห้องอย่างแน่นอน

หมวดที่ 7: อาหาร เครื่องดื่ม

ตั้งแต่ยุคโควิดที่ทุกคนต้องอยู่บ้าน ใครๆก็สั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่กันทั้งนั้น การขายของกินออนไลน์แบบไม่ต้องมีหน้าร้านจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่มีฝีมือเข้าครัว แต่อาจจะต้องฝึกฝนสกิลการถ่ายภาพให้ออกมาสวย น่าทาน ประกอบกับการทำการตลาดดีๆ ร้านของคุณอาจจะเป็นร้านต่อไปที่มีเมนูฮิตติดตลาด

 

เคล็ดลับเสริม: ปรับร้านออนไลน์ให้ยอดขายพุ่งกว่าเดิม

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ช่ำชองในสนามขายของออนไลน์มาพอสมควร ลองทำตามเทคนิคต่อไปนี้เพื่อเพิ่มยอดขายให้ทะลุเป้า

1. ‘นำเสนอคอนเทนต์หลากหลาย’

การโพสต์คอนเทนต์สินค้าซ้ำๆ ทื่อๆ อาจจะไม่น่าดึงดูดสำหรับลูกค้าที่ติดตามร้านคุณมานาน คำแนะนำของเราคือให้ลองเปลี่ยนแคปชั่นใต้ภาพสินค้าที่คุณโพสต์ ลงทุนถ่ายเปลี่ยนแนวการถ่ายสินค้า รวมถึงลองนำเสนอในรูปแบบวิดิโอบน Reels หรือ TikTok เพื่อสร้างความตื่นตาให้ผู้ติดตามและเกิดการรับรู้ในรูปแบบใหม่ๆ

2. ‘เพิ่มช่องทางขายสินค้า’

คอยติดตามข่าวสารว่ามีแพลตฟอร์มไหนมาใหม่ หรือกำลังมาแรง ยิ่งคุณขายสินค้าในหลายช่องทาง ยิ่งเพิ่มโอกาสได้ลูกค้าหน้าใหม่ ยกตัวอย่างเช่น LINE เป็นแพลตฟอร์มที่หลายคนอาจจะมองข้าม นอกจากช่องทาง LINE Official Account (LINE OA) และ LINE MyShop แล้ว ยังมีเครื่องมือช่วยทำการตลาดอัตโนมัติเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดเชิงลึกอย่าง MAAC ที่จะทำให้คุณคาดการณ์ลูกค้าที่จะซื้อในอนาคตได้อีกด้วย

3. ‘สร้างความน่าเชื่อถือจากรีวิวลูกค้า’

รีวิวลูกค้าเก่ามีผลต่อการตัดสินใจซื้อลูกค้าใหม่ คุณสามารถนำรีวิวเหล่านี้มาทำเป็นคอนเทนต์สร้างความน่าเชื่อถือได้ แต่สำหรับรีวิวที่ไม่ดีนั้น ก็ควรใส่ใจและแสดงความรับผิดชอบโดยการช่วยลูกค้าแก้ไขปัญหาทันที เพียงแค่นี้ก็สามารถเพิ่มความอุ่นใจให้ลูกค้าหน้าใหม่ตัดสินใจซื้อมากขึ้น

4. ‘จัดโปรฯ เพิ่มลูกค้าใหม่ ใส่ใจลูกค้าเก่า’

ควรมีการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายเป็นครั้งคราว ยิ่งถ้าจำกัดเวลาโปรโมชั่นจะยิ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องซื้อสินค้าร้านคุณ เราแนะนำว่า LINE OA เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการทำโปรโมชั่นเป็นอย่างมาก เพราะมีหลากหลายฟีเจอร์อย่าง Reward Card ที่สามารถจับคู่ฟีเจอร์ Coupon ในระบบ MAAC ซึ่งคุณสามารถกำหนดคูปองส่วนลดไม่ว่าจะเป็น LINE Points, คูปองเกม, คะแนนสมาชิก ให้กับลูกค้าเองได้

5. ‘อัพเกรดระบบหลังบ้าน’

เมื่อยอดขายคุณโตขึ้น ระบบการจัดการหลังบ้านที่ดียิ่งมีความสำคัญ คุณอาจจะต้องพิจารณาระบบหลังบ้านเพิ่มเติมไว้เป็นตัวช่วยบริหารร้านค้าออนไลน์ให้ทำงานอย่างราบรื่น ยกตัวอย่างเช่น ระบบ CAAC จาก Crescendo Lab เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ในการดูแลลูกค้าภายนอกและการบริหารงานภายในองค์กรแบบรอบด้าน ระบบ CAAC จะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการร้านค้าโดยการเก็บการโต้ตอบกับลูกค้า และข้อมูลเชิงลึกรวมไปถึงใช้เครื่องมือ AI ตอบสนองความต้องการในแชทของลูกค้าได้อีกด้วย

ข้อความทิ้งท้าย

หลังจากที่ได้อ่านคำแนะนำดีๆ ในบทความนี้จบแล้ว จากนี้จะเป็นการลงสนามจริง ขอแค่คุณมีความกล้าและมั่นใจ ก็มีโอกาสขายของออนไลน์สำเร็จจจนกลายเป็นอายุน้อยร้อยล้านคนถัดไป แต่ก่อนจะถึงวันนั้นอย่าลืมว่าการลงทุนกับระบบการตลาดและระบบบริหารร้านออนไลน์ที่ดีอย่าง MAAC และ CAAC จะช่วยให้คุณดูแลลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างแน่นอน

 

อยากขายของออนไลน์ผ่าน LINE OA? ห้ามพลาดบทความนี้!

Ainee S.

Thai Content Marketing Intern ณ กรุงไทเป ชอบเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ (-: