Go Back Up

back to blog

Marketing plan คืออะไร? แชร์เทคนิคเขียนแผนการตลาดด้วยข้อมูล

MarTech Trends • 1 ต.ค. 2024, 18:43:54 • Written by: CherryNapat

ติดตาม Crescendo Lab สำหรับสาระน่ารู้ในแวดวง MarTech คลิกเลย!

 

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ 👇

 

การทำธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องมีแผนการตลาด (Marketing Plan) ที่ชัดเจนและครอบคลุม เพื่อเป็นแนวทางในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับความหมายของแผนการตลาด ความสำคัญต่อธุรกิจ และขั้นตอนการทำ Marketing Plan อย่างเป็นระบบ นอกจากนี้เรายังจะเน้นถึง Data-driven Marketing Plan ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในยุคดิจิทัล เพราะการใช้ข้อมูลในการวางแผนจะช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ทันและแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Marketing Plan คืออะไร

Marketing Plan หรือแผนการตลาด คือแผนที่ธุรกิจใช้ในการกำหนดแนวทางการสร้างกลยุทธ์โปรโมทหรือโฆษณาสินค้าและบริการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายหรือยอดขายที่ตั้งไว้ แผนดังกล่าวสามารถครอบคลุมการทำงานของทีมการตลาดได้ในระยะเวลาหนึ่ง เช่น รายไตรมาสหรือรายปี

แผนการตลาดนี้จะช่วยให้ธุรกิจมีแนวทางที่ชัดเจนในทุกด้าน ตั้งแต่การวิเคราะห์ตลาด การกำหนดกลยุทธ์ ไปจนถึงการวัดผลลัพธ์ ช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ทั้งนี้แผนการตลาดหนึ่งแผนสามารถประกอบไปด้วยกลยุทธ์การตลาดที่หลากหลายสำหรับทีมการตลาดแต่ละทีมในบริษัท โดยกลยุทธ์ในแผนทั้งหมดจะถูกกำหนดเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจเดียวกัน

ทำไมผู้ประกอบการธุรกิจจึงต้องจัดทำแผนการตลาด หรือ Marketing Plan

Marketing Plan หรือแผนการตลาด คือแผนที่ธุรกิจใช้ในการกำหนดแนวทางการสร้างกลยุทธ์โปรโมทหรือโฆษณาสินค้าและบริการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายหรือยอดขายที่ตั้งไว้ แผนดังกล่าวสามารถครอบคลุมการทำงานของทีมการตลาดได้ในระยะเวลาหนึ่ง เช่น รายไตรมาสหรือรายปี

แผนการตลาดนี้จะช่วยให้ธุรกิจมีแนวทางที่ชัดเจนในทุกด้าน ตั้งแต่การวิเคราะห์ตลาด การกำหนดกลยุทธ์ ไปจนถึงการวัดผลลัพธ์ ช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ทั้งนี้แผนการตลาดหนึ่งแผนสามารถประกอบไปด้วยกลยุทธ์การตลาดที่หลากหลายสำหรับทีมการตลาดแต่ละทีมในบริษัท โดยกลยุทธ์ในแผนทั้งหมดจะถูกกำหนดเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจเดียวกัน

ประเภทของ Marketing Plan

ประเภทของ Marketing Plan (1)

Quarterly หรือ Annual Marketing Plan

แผนการตลาดรายไตรมาสหรือรายปี ใช้สำหรับวางแผนกิจกรรมการตลาดที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด แผนประเภทนี้มักจะใช้สำหรับการกำหนดงบประมาณและทรัพยากรที่ต้องใช้ในการดำเนินงาน

Social Media Marketing Plan

แผนการตลาดบนโซเชียลมีเดีย ใช้สำหรับกำหนดแนวทางการใช้โซเชียลมีเดียของแบรนด์เพื่อเพิ่มการรับรู้ หรือ awareness และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยจะเน้นไปที่ช่องทาง กลยุทธ์ และแคมเปญที่คุณตั้งใจจะดำเนินการบนโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ รวมไปถึงแผนการตลาดแบบที่ต้องมีงบประมาณค่าใช้จ่าย หรือ paid media เช่น การยิงแอดโฆษณา, การกำหนด Paid Per Click (การจ่ายต่อคลิก), การส่งข้อความบรอดแคสต์บน LINE OA, การร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ และการโปรโมตบนโซเชียลมีเดียที่ใช้งบประมาณอื่นๆ

Content Marketing Plan

แผนการตลาดคอนเทนต์ ใช้สำหรับกำหนดแนวทางการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณค่าให้กับลูกค้า เป้าหมายหลักคือการสร้างความน่าสนใจให้กับแบรนด์ และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า

New Product Launch Marketing Plan

แผนการตลาดสำหรับเปิดตัวสินค้าใหม่ เป็นแผนที่ใช้ในการกำหนดกลยุทธ์สำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาด

Growth Marketing Plan

แผนการตลาดเพื่อการเติบโต มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มส่วนแบ่งตลาด การเพิ่มยอดขาย และการขยายธุรกิจในตลาดที่มีอยู่

8 ขั้นตอนการสร้าง Marketing Plan

การสร้างแผนการตลาด (Marketing Plan) เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาธุรกิจของคุณ ช่วยให้คุณสามารถกำหนดทิศทางทางการตลาดได้ชัดเจน ในบทความนี้จะพาคุณผ่าน 8 ขั้นตอนที่จำเป็นในการวางแผนการตลาดให้มีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ

ประเภทของ Marketing Plan (2)
1. ระบุเป้าหมายของธุรกิจใน Marketing Plan

ขั้นตอนแรกในการสร้าง Marketing Plan คือการกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ สิ่งสำคัญคือเป้าหมายต้องชัดเจน วัดผลได้ เช่น การเพิ่มยอดขาย หรือการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยควรตั้งเป้าหมายให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และภารกิจขององค์กร

2. กำหนด KPI หรือ OKR ให้กับเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

หลังจากกำหนดเป้าหมายแล้ว คุณต้องกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI หรือ OKR) เพื่อให้เห็นภาพว่าเป้าหมายจะถูกบรรลุได้อย่างไร KPI และ OKR เป็นเครื่องมือในการวัดผลที่สามารถบ่งบอกได้ถึงความสำเร็จหรือปัญหาที่ต้องแก้ไข

3. เตรียมกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน

การระบุกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด เป็นหัวใจสำคัญของการวางแผนการตลาด คุณควรรู้ว่ากลุ่มลูกค้าของคุณเป็นใคร มีความต้องการอะไร และทำไมพวกเขาถึงสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณพัฒนาแคมเปญการตลาดที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างดี

4. เริ่มทำโครงสร้างกลยุทธ์ด้านคอนเทนต์

เมื่อรู้จักกลุ่มเป้าหมายแล้ว เราสามารถสร้างกลยุทธ์ด้านคอนเทนต์ และวางแผนการผลิตคอนเทนต์ที่ตอบสนองความสนใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เช่น การเขียนบทความในบล็อก การโพสต์ในโซเชียลมีเดีย หรือการสร้างวิดีโอคอนเทนต์ ทั้งหมดนี้ควรเป็นเนื้อหาที่สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณ

5. ระบุสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องลงใน Marketing Plan

สิ่งสำคัญอีกประการคือการรู้ว่า สิ่งใดไม่ควรทำในแผนการตลาด เช่น การลงโฆษณาในแพลตฟอร์มที่ไม่เหมาะสม หรือการใช้กลยุทธ์ที่ไม่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย การลบสิ่งที่ไม่สำคัญออกจากแผนจะช่วยให้คุณโฟกัสกับสิ่งที่เห็นผลลัพธ์ได้จริงยิ่งขึ้น

6. วางงบทางการตลาดให้พร้อม

การกำหนดงบประมาณสำหรับการตลาดเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ คุณต้องประเมินค่าใช้จ่ายในแต่ละกิจกรรม เช่น ค่าลงโฆษณา การผลิตคอนเทนต์ และอื่น ๆ การวางงบประมาณให้เหมาะสมจะช่วยให้การดำเนินงานตามแผนเป็นไปได้จริง

7. ศึกษาคู่แข่งที่อยู่ในตลาดเดียวกัน

การศึกษาและวิเคราะห์คู่แข่ง จะทำให้คุณเข้าใจตลาดมากขึ้น รู้ว่าคู่แข่งของคุณมีจุดแข็งหรือจุดอ่อนอะไรบ้าง และสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนากลยุทธ์การตลาดที่เหนือกว่าได้

8. ใส่รายละเอียดทีมและความรับผิดชอบใน Marketing Plan

สุดท้ายคุณควรกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของทีมแต่ละคนในแผนการตลาด เช่น ใครเป็นผู้จัดการโครงการ ใครรับผิดชอบด้านการผลิตคอนเทนต์ หรือใครดูแลการโฆษณา สิ่งนี้จะช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบของ Marketing Plan

การสร้าง Marketing Plan ที่ดีต้องมีองค์ประกอบที่ชัดเจนและครอบคลุม บทความนี้จะสรุป 6 องค์ประกอบสำคัญที่ไม่ควรพลาดในการทำแผนการตลาด

1. ข้อมูลภาพรวมขององค์กรหรือบริษัท - Company Overview

ภาพรวมบริษัทควรเริ่มด้วยข้อมูลทั่วไปของธุรกิจ เช่น ประวัติความเป็นมา ขนาดของธุรกิจ ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณนำเสนอ รวมถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจ เพื่อให้เห็นถึงจุดเด่นของบริษัทอย่างชัดเจน

2. การวิเคราะห์ลูกค้า - Customer Analysis

การวิเคราะห์ลูกค้าเป็นการเจาะลึกถึงลักษณะของกลุ่มลูกค้า เช่น อายุ เพศ พฤติกรรม และความต้องการ การทำความเข้าใจลูกค้าจะช่วยให้คุณพัฒนากลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ

3. การวิเคราะห์คู่แข่ง และแบรนด์ตนเอง - Competitor and Brand Analysis

ในการวิเคราะห์คู่แข่ง คุณควรพิจารณาว่าคู่แข่งมีอะไรที่เหนือกว่าหรือด้อยกว่าคุณ และควรตรวจสอบแบรนด์ของคุณเองเพื่อปรับปรุงให้แข็งแกร่งขึ้น

4. กลยุทธ์การตลาด - Marketing Strategy

กลยุทธ์การตลาดคือแผนที่ชัดเจนว่าคุณจะใช้ช่องทางและวิธีการใดบ้างในการเข้าถึงลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา การสร้างเนื้อหา หรือการโปรโมชัน

5. งบประมาณภาพรวมทั้งหมด - Total Budget

งบประมาณการตลาดเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในแต่ละขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีทุนเพียงพอในการดำเนินงานตามแผน

6. ช่องทางการตลาด - Marketing Channel

การเลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสม เช่น โซเชียลมีเดีย อีเมล หรือเว็บไซต์ จะช่วยให้แผนการตลาดของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำ Marketing Plan

การทำ Marketing Plan ที่ประสบความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสอดคล้องกันระหว่างกลยุทธ์กับเป้าหมายทางธุรกิจ ทุกองค์ประกอบของแผนการตลาดควรเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ตลาด การเลือกกลุ่มเป้าหมาย หรือการจัดการงบประมาณ การทำแผนที่ไม่สอดคล้องกันอาจทำให้เกิดการเสียเวลาและทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์

อีกสิ่งที่สำคัญคือความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เนื่องจากตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การทำแผนการตลาดที่สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถรับมือกับความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้การวัดผล เป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม การกำหนดตัวชี้วัด (KPIs & OKR) จะช่วยให้คุณประเมินผลลัพธ์ของแผนการตลาดได้อย่างชัดเจน และปรับปรุงกลยุทธ์ได้ตามความจำเป็น

เทคนิคในการทำ Marketing Plan ให้มีประสิทธิภาพ

การสร้าง Marketing Plan ที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยเทคนิคและกระบวนการที่เป็นระบบ เพื่อให้แผนการตลาดของคุณสามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้จริง เรามาดูกันว่าเทคนิคที่สำคัญในการทำแผนการตลาดมีอะไรบ้าง

1. การวิเคราะห์สถานการณ์

ก่อนที่คุณจะเริ่มวางแผน คุณควรเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์ของธุรกิจ และตลาดปัจจุบัน การใช้เครื่องมืออย่าง SWOT Analysis จะช่วยให้คุณรู้จักจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ การวิเคราะห์อย่างละเอียดนี้จะช่วยให้คุณมีข้อมูลพื้นฐานที่ใช้ในการวางกลยุทธ์ต่อไป

2. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

การระบุกลุ่มเป้าหมายเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สำคัญ การรู้จักและเข้าใจลูกค้าจะช่วยให้การสร้างคอนเทนต์และกลยุทธ์การตลาดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การแบ่งกลุ่มลูกค้าตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ เพศ ความสนใจ และพฤติกรรม จะช่วยให้คุณสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุด

3. การตั้งเป้าหมาย

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นสิ่งสำคัญในการทำ Marketing Plan การใช้หลักการ SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) จะช่วยให้เป้าหมายของคุณเป็นรูปธรรมและวัดผลได้ง่าย เมื่อคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจน จะช่วยให้แผนการตลาดเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง

4. วิเคราะห์กลยุทธ์ของธุรกิจคุณ

เทคนิคต่อมาคือการวิเคราะห์กลยุทธ์การตลาด ของธุรกิจคุณในปัจจุบัน เพื่อดูว่ากลยุทธ์ที่คุณใช้อยู่มีประสิทธิภาพหรือไม่ มีจุดใดที่ควรปรับปรุง การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้คุณวางแผนกลยุทธ์ใหม่ที่เหมาะสมและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ดีขึ้น

5. กำหนดงบประมาณ

การกำหนดงบประมาณอย่างรอบคอบจะทำให้การดำเนินงานตามแผนการตลาดเป็นไปได้อย่างราบรื่น คุณควรประเมินต้นทุนสำหรับการทำโฆษณา การผลิตคอนเทนต์ หรือการใช้งานเครื่องมือการตลาดต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถจัดสรรงบได้อย่างเหมาะสมและควบคุมต้นทุนได้ตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ Forbes ได้แชร์เทคนิควิธีการเขียน Marketing plan และเทมเพลตสำหรับ Marketing plan ซึ่งมีผู้เข้าอ่านมากกว่า 4,000 คน หากสนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

Marketing Plan กับ Marketing Strategy แตกต่างกันอย่างไร

หลายคนอาจสับสนระหว่าง Marketing Plan และ Marketing Strategy แต่สองสิ่งนี้มีความแตกต่างกันชัดเจน Marketing Plan คือ “แผนการปฏิบัติงาน” ที่ระบุถึงกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ ที่จะดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมาย เช่น การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ช่องทางการตลาด และงบประมาณ

ในขณะที่ Marketing Strategy คือ แนวทางหรือวิธีการที่ใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการตลาด เช่น การสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง การสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า ทั้งสองส่วนทำงานร่วมกันเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ

ประเภทของ Marketing Plan (3)

Data-driven marketing plan

ในยุคดิจิทัล การใช้ “ข้อมูล“ มาเป็นส่วนประกอบหลักในการสร้างแผนการตลาดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก Data-driven marketing plan คือการใช้ข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์ลูกค้า ตลาด และคู่แข่ง เพื่อพัฒนาแผนการตลาดที่แม่นยำยิ่งขึ้น การนำข้อมูลเชิงพฤติกรรมและข้อมูลการซื้อขายมาประกอบการตัดสินใจจะช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด (Source : proteanstudios)

เครื่องมือสำหรับทำ Data-driven marketing plan

การทำแผนการตลาดที่อ้างอิงข้อมูลจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะสม ตัวอย่างเครื่องมือที่ได้รับความนิยม ได้แก่:

  • Google Analytics: ใช้สำหรับวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ และประสิทธิภาพของเว็บไซต์
  • CRM Software: เช่น Salesforce, HubSpot สำหรับการเก็บข้อมูลลูกค้า, เครื่องมือ CRM เพิ่มประสิทธิภาพบนการตลาด MAAC จาก Crescendo Lab สำหรับการเก็บข้อมูลลูกค้าและเชื่อมต่อข้อมูลลูกค้าบน LINE OA
  • CDP software: แพลตฟอร์ม CDPใช้สำหรับเชื่อมต่อข้อมูลจากหลากหลายซอฟต์แวร์เพื่อมารวมไว้ในที่เดียว ทำให้ซอฟต์แวร์แต่ละซอฟต์แวร์สามารถแชร์ข้อมูลเพื่อทำงานร่วมกันได้
  • Social Listening Tools: เช่น Brandwatch หรือ Hootsuite เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมในโซเชียลมีเดีย การใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยเพื่อสร้างแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างแผนการตลาด Marketing Plan

1. เป้าหมาย (Objective)

  • เพิ่มฐานลูกค้าจำนวนผู้ติดตาม LINE OA 20% ภายใน 3 เดือน
  • เพิ่มยอดขายจากผู้ติดตาม LINE OA 15% ภายใน 6 เดือน
  • เพิ่มอัตราการเปิดอ่านและตอบกลับข้อความบน LINE 30%

2. การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Customer Data Analysis)

ใช้ข้อมูลจาก LINE Official Account Manager (LINE OA) และเครื่องมือ LINE CRM เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้:

  • ลูกค้าที่กดติดตามแล้ว แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับข้อความหรือโปรโมชัน
  • ลูกค้าที่เคยสั่งซื้อผ่าน LINE OA แต่ไม่ได้กลับมาซื้อซ้ำ
  • ช่วงเวลาที่ผู้ติดตามมีแนวโน้มเปิดอ่านข้อความมากที่สุด

3. กลุ่มเป้าหมาย (Target Audience)

จากการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมบน LINE OA พบว่า:

  • กลุ่มลูกค้าเป็นผู้หญิงอายุ 25-35 ปี เป็นกลุ่มลูกค้าที่สนใจสินค้าเครื่องแต่งกายที่เน้นแฟชั่น และกลุ่มลูกค้าผู้หญิง 35-45 ปีสนใจสินค้าเครื่องแต่งกายเพื่อสุขภาพ
  • ลูกค้าที่เคยกดติดตาม LINE OA เพื่อรับข่าวสารโปรโมชันที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของทางแบรนด์ มีแนวโน้มที่จะซื้อซ้ำในอนาคตเมื่อได้รับข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจที่มากพอ
  • กลุ่มลูกค้าผู้ใช้ LINE มีแนวโน้มเปิดอ่านข้อความในช่วงเวลา 12:00-14:00 น. และ 18:00-21:00 น.

4. กลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy)

  • Broadcast Messages: ส่งข้อความโปรโมชันและคอนเทนต์ที่มีการปรับให้เป็นรายบุคคล (Personalization) ตามพฤติกรรมการซื้อ โดยแบ่งประเภทข้อความตามกลุ่มลูกค้า เช่น ผู้ซื้อครั้งแรก, ลูกค้าประจำ, ลูกค้าที่ชอบสินค้าแฟชั่น, ลูกค้าที่ชอบสินค้าเพื่อสุขภาพ
  • Rich Menu: ใช้เมนูที่ปรับแต่งได้บน LINE เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลหรือโปรโมชันที่ตรงความสนใจได้ง่ายขึ้น เช่น ลิงก์ไปยังแคมเปญพิเศษสำหรับสินค้าที่ลูกค้ากำลังมองหา หรือโปรโมชันที่กำลังจะหมดอายุ
  • Coupon Distribution: แจกคูปองส่วนลดผ่าน LINE OA ให้กลุ่มเป้าหมายที่เคยแสดงความสนใจสินค้าผ่าน Rich Menu หรือ Broadcast Messages เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ
  • Segmentation & Targeting: แบ่งกลุ่มผู้ติดตามตามพฤติกรรมการคลิก เปิดอ่าน หรือซื้อสินค้า เพื่อส่งข้อความที่ตรงกับความต้องการ

5. งบประมาณ (Budget)

  • การทำ Broadcast Messages: 15,000 บาท สำหรับแคมเปญที่เน้น Personalization
  • การผลิต Rich Menu และคอนเทนต์: 10,000 บาท
  • การใช้ Coupon Promotion: 10,000 บาท
  • การใช้ LINE Ads Platform สำหรับโฆษณาเพิ่มยอดติดตาม: 20,000 บาท

6. การวัดผล (KPIs)

  • จำนวนผู้ติดตาม LINE OA ที่เพิ่มขึ้นจากโฆษณาและแคมเปญคูปอง
  • อัตราการเปิดอ่านข้อความ (Open Rate) และอัตราการคลิก (Click-through Rate)
  • จำนวนยอดขายที่มาจากการใช้งานคูปองผ่าน LINE OA
  • การเติบโตของการมีส่วนร่วมผ่าน Rich Menu และการคลิกในคอนเทนต์ต่าง ๆ
  • การวัดผลจากการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าหลังได้รับการสื่อสารผ่าน LINE OA

7. เครื่องมือที่ใช้ (Tools)

  • LINE Official Account Manager: สำหรับการสร้าง Broadcast Messages, การแจกคูปอง, และการทำ Rich Menu
  • LINE Ads Platform: ใช้ในการทำโฆษณาเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ติดตาม
  • Google Analytics: เชื่อมโยงการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าบนเว็บไซต์จากการคลิกลิงก์ใน LINE OA
  • MAAC CRM Integration: ผสานข้อมูลจาก MAAC เครื่องมือ LINE CRM เพื่อส่งข้อความที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เน้น Personalization และติดตามพฤติกรรมการซื้อซ้ำเพื่อเพิ่มยอดขายระยะยาวด้วยข้อมูล

การใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้บน LINE OA และการทำแคมเปญที่เน้น Personalization จะช่วยให้คุณสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำและเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับผู้ติดตาม

 

ต้นทุนการทำ Marketing Plan มาก-น้อยแค่ไหน

ต้นทุนในการทำ Marketing Plan ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจและทรัพยากรที่ใช้ โดยต้นทุนสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก:

  1. ต้นทุนทางตรง: เช่น ค่าจ้างทีมที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญการตลาด ค่าโฆษณา ค่าซอฟต์แวร์และเครื่องมือการตลาด (เช่น CRM, Google Analytics, หรือแพลตฟอร์มการโฆษณาออนไลน์)
  2. ต้นทุนทางอ้อม: เช่น เวลาที่ทีมงานภายในใช้ในการวางแผน วิเคราะห์ข้อมูล และติดตามผลการทำการตลาด

สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ต้นทุนอาจต่ำเพียงไม่กี่หมื่นบาท แต่สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ต้นทุนอาจสูงถึงหลายแสนหรือล้านบาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแผนและเครื่องมือที่ใช้

สรุป

การวางแผนการตลาดเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดทิศทางและเป้าหมายของธุรกิจ แต่ในยุคปัจจุบัน Data-driven Marketing Plan เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะช่วยให้เราตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้นจากข้อมูลจริง หากใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัยในการวิเคราะห์และวางแผนเช่น MAAC จาก Crescendo Lab จะช่วยให้กระบวนการทำการตลาดง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

 
 
 
 
 

สนใจเครื่องมือทำการตลาดเพื่อออกแบบ Marketing plan ด้วยข้อมูลปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี!

CherryNapat

I'm a Thai senior marketing specialist, working for a startup company in Taiwan.